x close

DIY โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ ไม่ต้องเสียเงินเป็นแสนก็เหมือนมีโรงหนังที่บ้าน

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          ไอเดียสุดเจ๋ง DIY โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ ทะลุจอ ระบบเหมือนในโรงภาพยนตร์ ไม่ต้องจ่ายแพงก็มีจอหนังสามมิติเอาไว้ดูที่บ้าน เพราะทำจอโปรเจคเตอร์ 3 มิติเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

          อีกขั้นของการมีโรงหนังส่วนตัวที่บ้านก็คือการมีหนังระบบ 3 มิติไว้ดูที่บ้านนี่ล่ะค่ะ แต่ถ้าจะให้ลงทุนซื้อระบบหนัง 3 มิติ แบบในโรงหนังมาไว้ที่บ้านนั้นก็คงจะไม่ไหว เพราะราคานั้นแพงแสนแพง เอาไปดูหนังระบบ 3 มิติ ในโรงหนังได้หลายร้อยเรื่องเลยทีเดียว คุณ สมาชิกหมายเลข 3444805 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทั้งในไทยและต่างประเทศ สุดท้ายก็ได้ไอเดีย DIY โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ ระบบโรงภาพยนตร์ ทำเองแบบง่าย ๆ ซึ่งทั้งภาพและเสียงที่ออกมาก็ได้อรรถรสไม่ต่างจากหนัง 3 มิติที่ในโรงหนังเลย
DIY โปรเจคเตอร์เพื่อดูหนัง 3 มิติ ทะลุจอ ระบบโรงภาพยนตร์ ด้วยตนเอง แบบง่าย ๆ โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 3444805 

          ผมหาข้อมูลในการทำเครื่องฉายระบบ 3 มิติ จากไทยและต่างประเทศอยู่สักพักหนึ่ง เพื่อทำความเข้าในเรื่องระบบของการฉายภาพยนตร์ 3D จนได้ทดลองทำดูด้วยตนเอง ซึ่งทำให้ผมพบว่า

          - ระบบ 3D ของโรงภาพยนตร์ คือ ระบบ PASSIVE 3D คือการควบคุมการเดินทางของแสงหรือประมาณว่าจัดระเบียบในการเคลื่อนที่ของแสงโดยใช้ FILM POLARIZED 

          - FILM POLARIZED คือฟิล์มที่ใช้กับจอ LCD แต่ต่างกันคือ LCD ใช้ LINE POLARIZED (PL) ส่วนระบบโรงภาพยนต์ 3D ใช้ CIRCULAR POLARIZED (C-PL) 

          - LINE POLARIZED (PL) จะจัดระเบียบแสงหรือให้แสงที่ผ่านฟิล์ม ออกมาเป็นเส้นตรง แนวนอน หรือแนวตั้ง ขึ้นอยู่กับการตั้งฟิล์ม

          - CIRCULAR POLARIZED (C-PL) จะจัดระเบียบแสงหรือให้แสงที่ผ่านฟิล์ม ออกมาเป็นแสงแบบควงสว่าน ควงซ้าย หรือควงขวาขึ้นอยู่กับการตั้งฟิล์ม ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้ใช้ฟิล์มตัวเดียวกัน แต่ต่างกันที่ CIRCULAR POLARIZED (C-PL) มีตัวหน่วงแสงให้มันควง

          ผลที่ได้จากการทดสอบนำฟิล์มทั้งสองชนิดมาใช้ DIY โปรเจคเตอร์เพื่อดูหนัง 3 มิติ สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ชนิด แต่ต่างกันที่ความสว่าง CIRCULAR POLARIZED (C-PL) ให้แสงที่ผ่านออกมาสว่างกว่า LINE POLARIZED (PL)

          ผมลองหาซื้อฟิล์มทั้ง 2 ชนิด ในประเทศไทย LINE POLARIZED (PL) มีขายทั่วไปตามร้านที่ขายอะไหล่จอ LCD ราคาตามขนาดของจอ 32" 40" ผมซื้อมาลอง 32" ราคา 300-500 บาท (มี 0 องศา และ 90 องศา ซึ่งใช้แบบไหนก็ได้ สามารถหมุนได้ โดยปกติแล้ว จอ LCD ต้องใช้ 2 แผ่น คือแผ่นหน้าจอและหลังจอ แผ่นหน้าใช้ 0 องศา แผ่นหลังใช้ 90 องศา)  CIRCULAR POLARIZED (C-PL) ซึ่งไม่มีขายในประเทศไทย จะมีแต่ที่ต่างประเทศต้องสั่งเข้ามาเท่านั้น ค่าส่งแพง ฟิล์มก็แพง

          ผมก็หาดูว่าใช้อะไรแทนได้บ้าง ผมก็เลยเอาแว่นตา 3 มิติที่เมเจอร์ขายกันอันละ 50 บาทมาใช้ โดยการแกะฟิล์มออกมาใช้เพื่อทดลองดู ผลก็คือใช้ได้ แต่มันเล็กกว่าหน้าเลนส์ โปรเจคเตอร์ทำให้เสียแสงในการฉาย (แต่ก็ใช้ได้ เอาไว้ทดลอง) จนผมหาข้อมูลมาได้ใหม่ คือให้ไปซื้อ FILTER C-PL ของกล้องมาใช้ครับ มีหลายขนาด ใน LAZADA ให้เลือก (ต้องเป็น filter C-PL นะครับ ไม่ใช่ PL)

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - FILTER C-PL ของกล้อง อันนี้ 82 มิลลิเมตร พอดีกับหน้าเลนส์เครื่องโปรเจคเตอร์ที่ผมใช้ คือรุ่น RD 806 โปรเจคเตอร์จากจีน

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - FILTER C-PL ของกล้อง อันนี้ 86 มิลลิเมตร ใหญ่กว่าหน้าเลนส์เครื่องโปรเจคเตอร์ที่ผมใช้อยู่นิดหน่อย (อันนี้เหมาะดีครับ แต่แพงกว่าขนาด 82 มิลลิเมตร)

          มาเริ่มกันเลยครับวิธีการ DIY โปรเจคเตอร์ ให้เป็นระบบ 3D PASSIVE

สิ่งที่ต้องมี

          1. โปรเจคเตอร์รุ่นใดก็ได้ 2 เครื่อง (ของผมใช้ RD 806 จากจีน) รุ่นเดียวกันมันจะง่ายต่อการ SET ภาพครับ

          2. FILM CIRCULAR POLARIZED (C-PL) หาซื้อเอาตามที่ผมบอกรายละเอียดเอาเองครับหรือถ้าใครอยากทดลองเหมือนผมก่อนแล้วค่อยทำจริงก็ให้ไปซื้อแว่น 3D ที่เมเจอร์ ราคาอันละ 50 บาท ใช้หน้าโปรเจคเตอร์ 1 อัน ใช้ดูอีก 1 อัน หรือมากกว่าตามสะดวก

          3. จอสีเงิน (ต้องเป็นจอเงินครับ เพราะแสงมันจะสะท้อนกลับมาหาเราได้ดี)

          4. แว่นตา 3D CIRCULAR POLARIZED แบบโรงหนัง (ซื้อแว่น 3D ที่ เมเจอร์ ราคาอันละ 50 บาท)

          5. คอมพิวเตอร์ที่มี PORT ช่องต่อออกมา 2 ช่อง (VGA และ HDMI)

          6. โปรแกรม Stereoscopic Player (หาโหลดเอาเองครับ หายากตรง Crack)              

          ขั้นตอนการทำ ผมแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนโปรเจคเตอร์และส่วนการตั้งค่าโปรแกรม

ส่วนที่ 1 PROJECTOR

          1. ให้ทำที่ตั้งโปรเจคเตอร์ โดยสามารถขยับสูง-ต่ำทั้ง 4 ด้านของโปรเจคเตอร์ตัวที่ 2 หรือโปรเจคเตอร์ตัวบน เพื่อใช้สำหรับปรับความสูงและตำแหน่งให้ภาพทั้ง 2 -v\'โปรเจคเตอร์ทับกันพอดี (เราต้องใช้โปรเจคเตอร์ 2 ตัววางซ้อนกัน เหตุผลที่ใช้โปรเจคเตอร์ 2 ตัว ก็คือ ระบบ 3 มิติ จะต้องแสดงภาพให้ตาซ้ายดู 1 ภาพ โดยที่ตาซ้ายจะไม่เห็นภาพของตาขวาและแสดงภาพให้ตาขวาดูอีก 1 ภาพ โดยที่จะไม่เห็นภาพของตาซ้าย)

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - ที่ตั้งโปรเจคเตอร์ ใช้สำหรับปรับโปรเจคเตอร์ให้ภาพทั้ง 2 โปรเจคเตอร์ทับซ้อนกันพอดี (ผมลองทำเพื่อทดลองก่อนครับ เลยดูแบบบ้าน ๆ ง่าย ๆ หน่อย)

          2. เอาฟิล์มออกจากแว่นตา 3 มิติ 1 แว่น (ซ้าย-ขวา) ในข้อมูลด้านบนที่ผมเขียนไว้ ถ้าใช้จริงใหห้ซื้อ FILTER C-PL มาใช้ครับมันใหญ่และให้แสงออกมาได้เต็มที่กว่า เมื่อได้ฟิล์มจากแว่นมาแล้วให้เจาะกระดาษให้ได้ตามรูปทรงของ FILM แล้วเอาฟิล์มติดลงไป ทำแบบนี้เพราะว่าฟิล์มมันเล็กกว่าเลนส์โปรเจคเตอร์ ไม่งั้นแสงที่เกินออกมานอก Film จะไม่เป็นแสงโพราไลซ์ เราก็เลยต้องกันเอาไว้ ทำให้เสียแสงไปเยอะ (นี่เป็นการทดลองนะครับ) ถ้าใช้งานจริงให้ซื้อ FILTER C-PL มาใช้

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - ภาพการเจาะและการติดฟิล์มลงบนกระดาษ

          3. การติดตั้งฟิล์มกับโปรเจคเตอร์ วิธีการก็คือ เอาฟิล์มที่ติดกับกระดาษมาซ้อนทับกับแว่นในแต่ละด้าน (ซ้าย-ขวา) แล้วหมุนรวมทั้งกลับด้านเพื่อหาตำแหน่งปิดของแสง (หมุนและกลับด้านจนกว่าจะไม่มีแสงสามารถผ่านมาได้หรือมืดสนิท) โดยให้หาทีละด้าน (อันนึงซ้าย อันนึงขวา) เมื่อหาได้แล้วก็ทำเครื่องหมายไว้ว่าอันไหนซ้าย อันไหนขวา เมื่อได้แล้วให้เอาฟิล์มที่ติดกับกระดาษไปติดหน้าเลนส์โปรเจคเตอร์อันละ 1 ตัว คือ ซ้าย 1 ขวา 1 อัน หลายคนคงงง ถ้างงให้ดูจากวีดีโอข้างล่าง แล้วทำความเข้าใจกับการหามุมของฟิล์มครับ



          - วิดีโอการหาตำแหน่งฟิล์ม

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - เมื่อหาตำแหน่งได้แล้วทั้งซ้ายและขวา ให้ติดฟิล์มกับโปรเจคเตอร์ตามรูป

ส่วนที่ 2 คือการตั้งค่าโปรแกรมและคอมพิวเตอร์

          อันดับแรกให้ลงโปรแกรม Stereoscopic Player (หาโหลดเอาเองครับ หายากตรง Crack) เมื่อลงเสร็จแล้วให้เสียบคอมพิวเตอร์กับโปรเจคเตอร์ (คอมพิวเตอร์ต้องมีช่องต่อ 2 อันนะครับ VGA และ HDMI)
 
โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - ต่อโปรเจคเตอร์ทั้ง 2 ตัวกับคอมพิวเตอร์ ตัวไหนต่อกับ Port ไหนก็ได้

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - จากนั้นให้ตั้งจอการแสดงผลของคอมพิวเตอร์เป็น EXTAND ตามภาพ

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - จากนั้นเปิดโปรแกรม Stereoscopic Player แล้วเลือกการแสดงผลแบบ DUAL SCREEN OUTPUT (มันคือการแสดงผลแบบจอคู่ หมายความว่า มันจะแสดง ซ้าย 1 จอ และ ขวา 1 จอ แยกกัน แต่ละโปรเจคเตอร์ ก็คือ FILE หนัง 3 มิติ จะมีภาพ 2 คู่กัน SIDE by Side หรือบาง FILE แสดงผลแบบบนกับล่าง ถ้าเราไม่เลือก DUAL SCREEN OUTPUT มันจะแสดงผลออกมาจอเดียวแต่ 2 ภาพ ซ้าย-ขวา ไม่แยกจอกัน ผมหาวิธีอยู่นานมากกว่าจะทำให้มันแยกจอกัน ก็คือว่า ภาพทางขวาแสดงออกไป 1 โปรเจคเตอร์ ส่วนภาพทางซ้ายก็แสดงออกไปอีก 1 โปรเจคเตอร์)

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - จากนั้นตั้งค่า FULL SCREEN monitor (left view) ในโปรแกรม ให้โปรเจคเตอร์ ตัวที่ 1 = LEFT เลือกเป็น MONITOR 2

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - ให้โปรเจคเตอร์ ตัวที่ 2 = RIGHT เลือกเป็น MONITOR 3

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - จากนั้นให้ตั้งค่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ คลิกขวาที่ Desktop แล้วเลือกการตั้งค่าหน้าจอ โดยให้จอ 2 กับจอ 3 มีความละเอียดเท่ากัน (ต้องเท่ากันเป๊ะ ๆ นะครับ)

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - จากนั้นมาเทสจอซ้ายและขวากับแว่นกัน โดยการให้นำภาพด้านล่างนี้ L = LEFT ซ้าย และ R = ขวา ไปใส่ในโปรแกรม จากนั้นกด Enter แล้วดับเบิ้ลคลิกที่กลางหน้าจอ โปรแกรมภาพจะไปปรากฎบนจอซ้อนกัน จากนั้นตั้งโปรเจคเตอร์และปรับโฟกัส ปรับภาพให้ซ้อนทับกันพอดีทั้ง 2 ภาพ หน้าที่ของแท่นวางโปรเจคเตอร์จะได้ใช้มันในตอนนี้ ถ้าไม่มีแท่นวางที่ปรับได้จะลำบากต่อการตั้งให้ภาพซ้อนทับกันพอดี (ไม่แนะนำให้ใช้คีสโตนของ RD 806 เพราะภาพมันจะไม่ชัดขอบบนและขอบล่าง แต่ถ้าอยากให้ซ้อนกับเป๊ะ ๆ ก็ใช้ได้แต่ก็ต้องรับความไม่คมชัด ขอบบนและขอบล่าง)

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - เมื่อตั้งภาพซ้อนกันเรียบร้อยแล้ว ให้ทดสอบโดยการใส่แว่น 3 มิติและหลับตาซ้าย ภาพบนจอจะเป็นตัว R = right ขวา ก็คือว่าตาขวามองเห็น R (แต่ต้องไม่เห็น L หรือไม่เห็นอะไรเหลื่อม ๆ) หลับตาขวา ภาพที่แสดงบนจอต้องเป็น L=LEFT ซ้าย

โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ

          - ถ้ามันกลับด้านกัน ซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้าย ให้ไปตั้งค่าที่โปรแกรมตามภาพ เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย



          - วิดีโอทดสอบซ้ายและขวา



          - จากนั้นให้หาไฟล์ 3 มิติ มาดูกันครับ พุ่งออกนอกจออย่างแน่นอน ผมมี file แนะนำ ต้องโหลดจากยูทูป อันนี้พุ่งออกมานอกจอถึงคนดูเลยครับ World\'s BesT SBS 3D POP OUT EffecTs EVER

          ความรู้เหล่านี้ ผมเก็บตังค์ได้ไหมครับ ฮ่า ๆ ๆ เสียเวลาศึกษาและค้นคว้า เสียเวลางาน และเสียเวลาที่จะต้องมาเขียนกระทู้ให้พวกคุณอีก ขอให้ทุกคนได้ดู หนัง 3 มิติ ที่บ้านได้เองและไม่ต้องเสียเงินเป็นแสน ๆ ก็สุขใจและครับ BY SAHO

          เจ๋ง !!! ทำโฮมเธียเตอร์ HD ราคาประหยัด ใช้งบไม่เกินหมื่นบาท

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 3444805 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
DIY โปรเจคเตอร์ดูหนัง 3 มิติ ไม่ต้องเสียเงินเป็นแสนก็เหมือนมีโรงหนังที่บ้าน อัปเดตล่าสุด 2 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11:37:41 29,688 อ่าน
TOP