x close

อัพเดท 15 สีแต่งบ้านแห่งปี 2017 ให้บ้านสวยไม่ตกเทรนด์

สีแต่งบ้านแห่งปี 2017

          อัพเดท 15 สีแต่งบ้านแห่งปี 2017 มาดูกันว่าปีนี้สีแต่งบ้านสีไหนมาแรง น่าลองบ้าง อยากให้บ้านสวย ก่อนรีโนเวทมาดู สีแต่งบ้านแห่งปี 2017 กันก่อนตัดสินใจ

          เดิมสีแต่งบ้านมีค่อนข้างจำกัดและอาจจะมีตัวเลือกให้น้อย ในขณะที่บางสีก็เข้มหรืออ่อนไป ตอนนี้เลยมีการแบ่งเฉดสีให้หลากหลายเพื่อปรับให้ตรงกับความต้องการและบรรยากาศของแต่ละห้องมากขึ้น โดยการผสมโทนสีอื่นเข้าไป และแต่ละปีเหล่าผู้เชี่ยวชาญก็จะออกมาแนะนำมาสีไหนมาแรงบ้าง ปีนี้ก็เช่นกันวันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำ 15 สีแต่งบ้านแห่งปี 2017 มาอัพเดทให้ชม เผื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่กำลังจะตกแต่งบ้านใหม่หรือรีโนเวทบ้านได้นำไปพิจารณากันค่ะ
1. สีชมพูวินด์เซอร์ พิงค์ (Windsor Pink)

          โทนสีชมพูที่ดูเป็นธรรมชาติ ดูตุ่น ๆ สบายตา ไม่หวานแหวว และไม่จัดจ้านจนเกินไป เพราะเป็นสีชมพูที่มีสีส้มอ่อน ๆ อย่างสีส้มพีชหรือสีส้มแซลมอนเข้ามาผสม
 
2. สีส้มซัลซ่า แดนซิ่ง (Salsa Dancing)

          หรือสีส้มออทัม เมเปิ้ล (Autumn Maple) ซึ่งบ้านเรามักจะเรียกว่าสีส้มอิฐ เป็นโทนสีส้มเฉดเข้ม เหมาะกับห้องที่อยากให้มีบรรยากาศสดชื่นและทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง เช่น ห้องครัว

3. สีเหลืองอินเนอร์ โกลว์ (Inner Glow)
   
          เทรนด์สีที่วนกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เป็นเฉดสีที่อยู่ระหว่างสีเหลืองอ่อนกับสีเหลืองเข้ม สามารถใช้ตกแต่งได้ทุกห้อง ทั้งนำมาทาผนังและตกแต่งเฟอร์นิเจอร์

4. สีเขียวคอร์ทยาร์ด กรีน (Courtyard Green)

          สีเขียวอมฟ้าอ่อน ๆ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า สีเขียวบลูแกรสส์ กรีน (Bluegrass Green) ซึ่งเคยเป็นสีที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งพื้นบ้านในสมัยก่อน และกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งของเทรนด์การแต่งบ้านในปีนี้

5. สีฟ้าโอเวิล รูม บลู (Oval Room Blue)

          สีฟ้าที่ให้อารมณ์ได้หลากหลาย นำไปตกแต่งได้กับทุกห้องและเข้าได้กับการตกแต่งทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โมเดิร์น เทมโพรารี คลาสสิก หรือวินเทจ ทั้งยังได้กลิ่นอายสดใสแบบท้องทะเลด้วย

6. สีเขียวกรีเนอรี่ (Greenery)


          สีที่แพนโทน (Pantone) ยกให้เป็นสีแห่งปี 2017 ซึ่งมาจากโทนสีของต้นหญ้า มีความหมายในเชิงเหมือนการเริ่มต้นใหม่ สดใส สบายตา เหมือนอยู่กลางธรรมชาติ เหมาะสำหรับตกแต่งผนังทางเดิน

7. สีเขียวโอลีฟ (Olive)
 
          เหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านแบบเทรดิชั่นนอล (Traditional) แม้เป็นสีเขียวที่อาจดูทึม ๆ แต่ไม่ทำให้บรรยากาศดูสลัว เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งประเภทไม้ สีน้ำตาล หรือสีและวัสดุธรรมชาติ

8. สีขาวสโตน ไวท์ (Stone White)

          สำหรับมุมอับหรือที่ทึบแสง โทนสีนี้จะช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูสว่างเหมือนกับมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามามากเลยทีเดียว เช่น ห้องกินข้าวหรือห้องน้ำ ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการนำไปตกแต่งห้องที่มีแสงสว่างมากพออยู่แล้ว เพราะจะทำให้ห้องดูซีดและจืดชืด

9. สีมัชรูม (Mushroom)
 
          โทนสีธรรชาติที่เหมาะกับการตกแต่งบ้านสไตล์เซน (Zen) หรืออยากปรับบรรยากาศภายในให้ดูสงบเงียบ เรียบง่าย เช่น ห้องนอน ถ้าอยากให้ดูมีสันขึ้นเล็กน้อย เข้ากันได้ดีกับของตกแต่งสีเบิร์น ออเรนจ์ (Burnt Orange) ดาร์ก เกรย์ (Dark Gray) และอินดิโก บลู (Indigo Blue)

10. สีดัสก์ (Dusk)
 
          สีฟ้าทำให้ดูสดใสแต่อาจจะสว่างจ้าหรือสดใสเกินไป ฉะนั้นสำหรับสีฟ้าเฉดนี้เลยนำสีเทาเข้ามาผสม เพื่อดรอปสีฟ้าลง ทำให้บรรยากาศดูสงบและเหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น เช่น ทาสีผนังหรือตู้เก็บของ

11. สีดำแบล็ก ชิฟฟ่อน (Black Chiffon)

          เฉดสีดำที่สามารถนำไปตกแต่งได้หลายจุดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือแม้แต่ห้องครัว และหากใช้เป็นสีผนังก็ยังทำให้ของตกแต่งดูสะดุดตามากขึ้นด้วย โดยเฉพาะของตกแต่งสีทองและเครื่องหนัง

12. สีพอยซ์ โท้ป (Poised Taupe)
 
          สีเทาอมน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เรียบหรู เหมาะสำหรับทาผนังบริเวณทางขึ้นบันได ทางเข้าบ้าน เป็นโทนสีเข้มที่ดูไม่อึมครึม แต่กลับมีความสว่างมากกว่าโทนสีเทาทั่วไป เมื่อตกแต่งคู่กับสีขาว

13. สีชาโดว์ (Shadow)

 
          โทนสีเข้มที่มิกซ์แอนด์แมทช์ได้มากกว่าที่คิด สามารถใช้ตกแต่งเป็นสีหลักหรือสีรองก็ทำให้ภายในดูสวยขึ้นได้อย่างมีเอกลักษณ์ เช่น หากจับคู่กับสีทอง ก็จะทำให้ดูหรูหรามีระดับ แต่ถ้าทำให้ดูซอฟท์ลงก็เปลี่ยนมาจับคู่กับสีส้มอ่อนหรือสีครีมแทน

14. สีคลาวด์เบอร์รี (Cloudberry)
 
          หนึ่งในเฉดสีม่วงอ่อนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความเข้มแข็งกับความอ่อนโยน ความเป็นสมัยใหม่และรุ่นเก่า เหมาะสำหรับการตกแต่งส่วนกลางของบ้าน เช่น ทางขึ้นบันได ห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่ส่วนรวมต่าง ๆ

15. สีรามี  (Ramie)

 
          เฉดสีขาวของพื้นผิวหรือผิวสัมผัสวัตถุทั่วไป ส่วนใหญ่ใช้กับการตกแต่งบ้านของชาวยุโรปและเป็นสีหลักของทั้งห้อง ไม่ใช่แค่ทาผนังอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงเพดาน หน้าต่าง และชั้นวางของ
 
          สีทาบ้านไม่ได้มีแค่โทนสีหลัก เช่น แดง เขียว น้ำเงิน เหลือง หรือขาวเท่านั้น เพราะแต่ละโทนสีก็มีการแบ่งเฉดที่หลากหลายเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น หากโดนใจสีไหนแต่บอกช่างไม่ถูกก็นำชื่อไปยื่นหรือใช้เป็นตัวอย่างแทนได้นะคะ
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก housebeautiful, nymag, benjaminmoore, farrow&ball, finepaintsofeurope, restorationhardware, acehardware, sherwin-williams และ olympic
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อัพเดท 15 สีแต่งบ้านแห่งปี 2017 ให้บ้านสวยไม่ตกเทรนด์ อัปเดตล่าสุด 3 เมษายน 2560 เวลา 18:26:09 16,293 อ่าน
TOP