เรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่ง ผู้มีฝันอยากมีคอนโดเป็นของตัวเองเหมือนกันกับเรา ๆ จึงได้ตัดสินใจซื้อห้องที่เป็นทรัพย์ยึดจาก บสส. ทว่าห้องที่เขาซื้อมานั้น ช่างเก่าและมีสภาพโทรมเหลือเกิน งานนี้เขาเลยต้องทำการรีโนเวทยกห้องครั้งใหญ่ ซึ่งบอกได้เลยว่า ไม่ใช่งานหมู เพราะ คุณ สมาชิกหมายเลข 1218239 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เลือกที่จะลงมือทำด้วยตัวเองกับน้องชาย ไม่ง้อช่าง ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวและห้องของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร งั้นก็ตามไปดูด้วยสายตาตัวเองกันเลย
เปลี่ยนห้องเน่า (ทรัพย์ยึด) ให้เป็นห้องสวยน่าอยู่ ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกตารางนิ้ว (ฉบับมือใหม่ ไม่ง้อช่าง) โดยคุณ สมาชิกหมายเลข 1218239
สวัสดีครับ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวพันทิปขออนุญาตออกตัวก่อนเลยครับ ผมมือใหม่และนี่เป็นโพสต์แรกของผม (กันเลยทีเดียว) มีอะไรขาดตกบกพร่อง รบกวนพี่ ๆ แนะนำด้วยนะครับ
วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์รีโนเวทคอนโดเก่าครั้งแรกของผมครับ ผมเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความชอบและฝันเรื่องคอนโด คอนโดอายุ 20 ปี โดยรวมโครงสร้างตึกยังดี ภายนอกยังดูโอเคเลยครับ ขนาดห้อง 22.11 ตารางเมตร ใกล้ ๆ บ้านผมและผมผ่านทุกวัน จึงพอรู้สภาพแวดล้อมแถวนั้นในระดับหนึ่ง
โจทย์คือ สวย คุมโทน คุมงบ และไม่อึดอัด (เพราะห้องมันเล็ก) งบประมาณ 80,000 กว่าบาท (รวมทุกสิ่งอย่าง) ระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง
ช่างจำเป็น : น้องตัวเอง ว่างงาน ใช้มันทำ (ค่าแรงเงินสด 10,000+อื่น ๆ ประมาณ 5,000)
สำหรับท่านที่อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ และชอบอ่าน เชิญอ่านต่อหลังจากรูปนะครับ ขอเริ่มจากรูปห้องก่อนทำนะครับ
- ม่าน ทางออก และระเบียงหลังห้อง
- ตู้เสื้อผ้าโบราณ ตรงทางเข้าห้อง
- คอยล์ร้อน
- ห้องน้ำ
- มุมน้ำรั่วจากด้านบน
- ท่อส่วนเกินใต้อ่าง
- โซนอาบน้ำ
- ทางเข้าห้อง
- แอร์เน่าและรอยน้ำแอร์รั่ว
- แอร์เน่า เน่ามาก ๆ
------------------------------------------------------------
รูปหลังทำเสร็จแล้วครับ
- บริเวณทางเข้าห้อง
- ทางเข้าห้องและตู้เสื้อผ้า
- เตียงนอนและเก้าอี้ (มุมสบาย)
- บริเวณห้อง
- มุมทีวี แอร์ใหม่ ๆ โล่ง ๆ พื้นที่เหลือ ๆ
- แอร์ ม่าน ดูหรูหรา แพงมาก
- ห้องน้ำใหม่มาแล้วครับ
- สุดท้ายก็เปรียบเทียบกันให้เห็นชอตต่อชอต
- ทางเข้าห้อง
- ตู้เสื้อผ้า
- ประตูหลังห้อง
- เตียงและเก้าอี้
- มุมทีวีและปลายเตียง
- แอร์ ม่าน
- ภาพรวมในห้อง
- โซนอาบน้ำและอ่างล้างหน้าครับ
- มุมสบายตัว ^^
ต่อครับ...ผมได้คอนโดห้องนี้มาจากการซื้อตรงจาก บสส. ซึ่งเป็นทรัพย์ยึด ซึ่งถ้าใครเคยซื้อทรัพย์ยึดมาน่าจะพอทราบว่าการเข้าดูทรัพย์ยึดเนี่ย คุณจะไม่รู้และเห็นอะไรชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งวันที่ผมไปดูทรัพย์เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้วครับ พี่ที่ดูแลทรัพย์บริการดีครับ บรรยากาศการเข้าดูทรัพย์คือ มืด ๆ งง ๆ มึน ๆ ใช้แฟลชจากมือถืออย่างเดียว คำถามพรั่งพรูเข้ามาในหัว และคำถามเด็ดที่ถามกับตัวเองคือ เอาดี ไม่เอาดีวะ
คำถาม : ทำไมถึงไม่ค่อยรู้หรือเห็นอะไรชัดเจนในเวลากลางคืน
คำตอบ : ทรัพย์ยึดส่วนใหญ่มักจะโดนตัดน้ำ ตัดไฟ เรียบร้อยแล้วครับ เพราะฉะนั้นคุณจะไม่รู้ว่าน้ำจะไหลแรง เบา หรือเป็นยังไง, คุณจะไม่รู้ว่าไฟจุดไหนติด ไม่ติด เสียไม่เสีย หรือแพทเทิร์นการเดินไฟยังไง จึงถือว่าค่อนข้างเสี่ยงพอสมควรสำหรับมือใหม่อย่างผม
หลังจากดูทรัพย์เสร็จ กลับมาทำการบ้านใหญ่เลย (เรื่องหาข้อมูลนะครับ) คำถามของคืนนั้นคือ ถ้าจะทำให้ห้องนี้ฟื้นคืนชีพและโดดเด่นต้องใช้เงินเท่าไร และจะคุ้มไหม นอนไม่หลับเลยหละครับ คำตอบคร่าว ๆ คือ ต้องใช้งบประมาณ 50,000 บาท สำหรับทุกสิ่งอย่างพร้อมเข้าอยู่ และตอนนั้น บสส. มีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ซึ่งประหยัดได้ประมาณ 20,000 กว่าบาท มั้งครับ จึงตัดสินใจลุยเลยครับ สิ่งที่ผมคิดว่า งบประมาณ 50,000 บาท สำหรับทุกสิ่งอย่างพร้อมเข้าอยู่
ห้องนอน >> ปูกระเบื้องยางลายไม้ เพื่อความสวยงาม ทาสีใหม่หมด ทีวี ตู้เย็น แอร์ ตู้เสื้อผ้า โซฟา ผ้าม่าน ทุกอย่างใหม่หมด
ห้องน้ำ >> ทำห้องน้ำใหม่หมด 100% กระเบื้องผนัง พื้น สุขภัณฑ์ เครื่องทำน้ำอุ่น
วัสดุ >> ทุกชิ้นเป็นของมีคุณภาพดีและมีแบรนด์ชื่อดังการันตี
2 วันต่อมา เข้าไปวางเงินมัดจำครับ หลังจากวางเงินมัดจำแล้วก็ลุยหาข้อมูลเรื่อง คิดธีม เฉด โทน กระเบื้อง เลือกสี เลือกลาย เลือกประเภทสี คุณภาพดี คุมงบได้
หลังจากวางมัดจำ 10 วัน ผมนัดโอนห้องเลยครับ วันโอนห้องเริ่มที่กรมที่ดิน เจอพนักงานโอน (คนใต้พกทองแดงมาเป็นตัน ๆ และผมเองก็โตที่ใต้) ตอน 8.30 น. ไปเช้าสุดเลยได้คิวแรก โอนเสร็จ 10.00 น. ได้คุยกับพนักงาน (คุยกันถูกคอ) เขาบอกว่าห้องที่ผมได้มาไม่แพงและยังได้โปรโอนฟรีอะไรนี่มาอีก ซึ่งไม่ค่อยมีโปรนี้ (ใจชื้นขึ้นมาหน่อย) พอโอนเสร็จทาง บสส. แจ้งว่าให้นำกุญแจใหม่ไปล็อกห้องแทนกุญแจเดิม เลยนัดกันกับพี่ที่ดูแลทรัพย์ไว้เย็น ๆ ครับ
หลังจากกรมที่ดินผมก็รีบไปสำนักงานเขต เพื่อเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้านทันที ความรู้ใหม่ของขั้นตอนนี้คือ ถ้าทรัพย์ยึดเจ้าบ้านเก่ายังไม่ย้ายออกจากทะเบียนบ้าน เจ้าของใหม่สามารถเอาชื่อเข้าเป็นเจ้าบ้านได้แต่ต้องเอาชื่อคนเก่าที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เข้าเป็นลูกบ้านด้วย และจะสามารถมาบังคับโอนย้ายชื่อคนเก่า ๆ ออกไปอยู่ในทะเบียนกลางได้หลังจากนี้ 180 วัน ขั้นตอนที่สำนักงานเขตเสร็จตอนเกือบ ๆ เที่ยง (วันที่ผมไปไม่มีคนครับ) รีบออกจากสำนักงานเขตไปติดต่อการไฟฟ้า เพื่อให้เค้าเข้าไปต่อไฟที่ถูกตัดให้ครับ เสียค่าปรับและค่าไฟที่ห้องนี้ค้างอยู่นิด ๆ หน่อยครับ และผมแจ้งเขาว่าขอเปลี่ยนชื่อคนวางเงินมัดจำประกันมิเตอร์เป็นชื่อผมเลย จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต และทุกอย่างเป็นชื่อเราหมด (การไฟฟา ไม่ปิดตอนเที่ยงนะครับ แต่พนักงานอาจจะไม่ครบ เนื่องจากสลับกันกินข้าวช่วงพักเที่ยง) ทำทุกอย่างเสร็จภายใน 13.30 น. (ทางการไฟฟ้าแจ้งว่า จะเขาไปต่อไฟให้ ไม่เกิน 2 ทุ่ม) ซึ่งสำหรับผมถือว่าประทับใจเลยทีเดียว เพราะ 8.30–13.30 ทุกอย่างแล้วเสร็จ
- บริเวณทางเข้าห้อง
- ทางเข้าห้องและตู้เสื้อผ้า
- เตียงนอนและเก้าอี้ (มุมสบาย)
- บริเวณห้อง
- มุมทีวี แอร์ใหม่ ๆ โล่ง ๆ พื้นที่เหลือ ๆ
- แอร์ ม่าน ดูหรูหรา แพงมาก
- ห้องน้ำใหม่มาแล้วครับ
------------------------------------------------------------
- สุดท้ายก็เปรียบเทียบกันให้เห็นชอตต่อชอต
- ทางเข้าห้อง
- ตู้เสื้อผ้า
- ประตูหลังห้อง
- เตียงและเก้าอี้
- มุมทีวีและปลายเตียง
- ภาพรวมในห้อง
- โซนอาบน้ำและอ่างล้างหน้าครับ
- มุมสบายตัว ^^
ต่อครับ...ผมได้คอนโดห้องนี้มาจากการซื้อตรงจาก บสส. ซึ่งเป็นทรัพย์ยึด ซึ่งถ้าใครเคยซื้อทรัพย์ยึดมาน่าจะพอทราบว่าการเข้าดูทรัพย์ยึดเนี่ย คุณจะไม่รู้และเห็นอะไรชัดเจน โดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งวันที่ผมไปดูทรัพย์เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้วครับ พี่ที่ดูแลทรัพย์บริการดีครับ บรรยากาศการเข้าดูทรัพย์คือ มืด ๆ งง ๆ มึน ๆ ใช้แฟลชจากมือถืออย่างเดียว คำถามพรั่งพรูเข้ามาในหัว และคำถามเด็ดที่ถามกับตัวเองคือ เอาดี ไม่เอาดีวะ
คำถาม : ทำไมถึงไม่ค่อยรู้หรือเห็นอะไรชัดเจนในเวลากลางคืน
คำตอบ : ทรัพย์ยึดส่วนใหญ่มักจะโดนตัดน้ำ ตัดไฟ เรียบร้อยแล้วครับ เพราะฉะนั้นคุณจะไม่รู้ว่าน้ำจะไหลแรง เบา หรือเป็นยังไง, คุณจะไม่รู้ว่าไฟจุดไหนติด ไม่ติด เสียไม่เสีย หรือแพทเทิร์นการเดินไฟยังไง จึงถือว่าค่อนข้างเสี่ยงพอสมควรสำหรับมือใหม่อย่างผม
หลังจากดูทรัพย์เสร็จ กลับมาทำการบ้านใหญ่เลย (เรื่องหาข้อมูลนะครับ) คำถามของคืนนั้นคือ ถ้าจะทำให้ห้องนี้ฟื้นคืนชีพและโดดเด่นต้องใช้เงินเท่าไร และจะคุ้มไหม นอนไม่หลับเลยหละครับ คำตอบคร่าว ๆ คือ ต้องใช้งบประมาณ 50,000 บาท สำหรับทุกสิ่งอย่างพร้อมเข้าอยู่ และตอนนั้น บสส. มีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ซึ่งประหยัดได้ประมาณ 20,000 กว่าบาท มั้งครับ จึงตัดสินใจลุยเลยครับ สิ่งที่ผมคิดว่า งบประมาณ 50,000 บาท สำหรับทุกสิ่งอย่างพร้อมเข้าอยู่
ห้องนอน >> ปูกระเบื้องยางลายไม้ เพื่อความสวยงาม ทาสีใหม่หมด ทีวี ตู้เย็น แอร์ ตู้เสื้อผ้า โซฟา ผ้าม่าน ทุกอย่างใหม่หมด
ห้องน้ำ >> ทำห้องน้ำใหม่หมด 100% กระเบื้องผนัง พื้น สุขภัณฑ์ เครื่องทำน้ำอุ่น
วัสดุ >> ทุกชิ้นเป็นของมีคุณภาพดีและมีแบรนด์ชื่อดังการันตี
2 วันต่อมา เข้าไปวางเงินมัดจำครับ หลังจากวางเงินมัดจำแล้วก็ลุยหาข้อมูลเรื่อง คิดธีม เฉด โทน กระเบื้อง เลือกสี เลือกลาย เลือกประเภทสี คุณภาพดี คุมงบได้
หลังจากวางมัดจำ 10 วัน ผมนัดโอนห้องเลยครับ วันโอนห้องเริ่มที่กรมที่ดิน เจอพนักงานโอน (คนใต้พกทองแดงมาเป็นตัน ๆ และผมเองก็โตที่ใต้) ตอน 8.30 น. ไปเช้าสุดเลยได้คิวแรก โอนเสร็จ 10.00 น. ได้คุยกับพนักงาน (คุยกันถูกคอ) เขาบอกว่าห้องที่ผมได้มาไม่แพงและยังได้โปรโอนฟรีอะไรนี่มาอีก ซึ่งไม่ค่อยมีโปรนี้ (ใจชื้นขึ้นมาหน่อย) พอโอนเสร็จทาง บสส. แจ้งว่าให้นำกุญแจใหม่ไปล็อกห้องแทนกุญแจเดิม เลยนัดกันกับพี่ที่ดูแลทรัพย์ไว้เย็น ๆ ครับ
หลังจากกรมที่ดินผมก็รีบไปสำนักงานเขต เพื่อเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้านทันที ความรู้ใหม่ของขั้นตอนนี้คือ ถ้าทรัพย์ยึดเจ้าบ้านเก่ายังไม่ย้ายออกจากทะเบียนบ้าน เจ้าของใหม่สามารถเอาชื่อเข้าเป็นเจ้าบ้านได้แต่ต้องเอาชื่อคนเก่าที่อยู่ในทะเบียนบ้าน เข้าเป็นลูกบ้านด้วย และจะสามารถมาบังคับโอนย้ายชื่อคนเก่า ๆ ออกไปอยู่ในทะเบียนกลางได้หลังจากนี้ 180 วัน ขั้นตอนที่สำนักงานเขตเสร็จตอนเกือบ ๆ เที่ยง (วันที่ผมไปไม่มีคนครับ) รีบออกจากสำนักงานเขตไปติดต่อการไฟฟ้า เพื่อให้เค้าเข้าไปต่อไฟที่ถูกตัดให้ครับ เสียค่าปรับและค่าไฟที่ห้องนี้ค้างอยู่นิด ๆ หน่อยครับ และผมแจ้งเขาว่าขอเปลี่ยนชื่อคนวางเงินมัดจำประกันมิเตอร์เป็นชื่อผมเลย จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต และทุกอย่างเป็นชื่อเราหมด (การไฟฟา ไม่ปิดตอนเที่ยงนะครับ แต่พนักงานอาจจะไม่ครบ เนื่องจากสลับกันกินข้าวช่วงพักเที่ยง) ทำทุกอย่างเสร็จภายใน 13.30 น. (ทางการไฟฟ้าแจ้งว่า จะเขาไปต่อไฟให้ ไม่เกิน 2 ทุ่ม) ซึ่งสำหรับผมถือว่าประทับใจเลยทีเดียว เพราะ 8.30–13.30 ทุกอย่างแล้วเสร็จ
ระหว่างรอการไฟฟ้ามาต่อไฟให้ ก็กังวลนู่นนี่นั่น ว่ามันจะเป็นไปเหมือนที่เราคิดไว้และจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือเปล่าหว่า ตัดกลับมาตอน 3 ทุ่ม รีบชวนน้องเข้าไปดูห้อง และวินาทีที่รอคอยมาแสนนานก็มาถึง ก้าวแรกที่เดินเข้าไปก็มืด ๆ หน่อย เพราะเราไม่รู้ว่าไฟเป็นยังไงเปิดตรงไหน พอลองเปิดไฟ ปรากฏว่าไฟติดทุกดวง (อ่า !!! เรื่องไฟฟ้ารอดแล้ว) เลยไม่รีรอที่จะรีบเข้าไปเปิดน้ำ ปรากฏว่าน้ำไหลดีทุกจุด (แฮร่ !!! เรื่องน้ำรอดแล้ว) เดินสำรวจรอบห้องอย่างละเอียดมากขึ้น ก็เห็นจุดเซอร์ไพรส์มากขึ้น ท่อแอร์ที่เจาะผ่านผนังรั่ว ทำให้ผนังสีบวมและเป็นคราบเยอะมาก เพดานหลังห้องน้ำซึมมาจากห้องข้างบน แต่ก็ถือว่าพอใจในสิ่งที่ได้ กลับบ้านนอนได้ครับ
เรื่องราวอีกเยอะ เล่าไม่ไหวจริง ๆ ครับ
สุดท้าย ขอบคุณช่างเท็น ช่างภู ภรรยา (เลี้ยงลูกคนเดียวตอนผมไปทำห้องเสาร์อาทิตย์) และแม่ผมครับ
ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1218239 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และเฟซบุ๊ก Vanik Supsivaporn