สำหรับคนที่กำลังอินกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาส จนอยากมีบ้านเรือนไทยภาคกลางสวย ๆ สักหลัง วันนี้เรามีแบบบ้านเรือนไทยประยุกต์สองชั้นมาให้ชม จาก คุณ วิรัญญา รักประยูร สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เธอเล่าว่าบ้านหลังนี้ส่วนใหญ่สร้างจากไม้ที่รื้อมาจากบ้านไม้เก่าที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นทวดอายุกว่าร้อยปี และนำมาเล่าใหม่ในแบบบ้านไทยโมเดิร์น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ งบประมาณคร่าว ๆ อยู่ที่ราว ๆ 3.5-4 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) ว่าแล้วก็ตามไปชมผลงานของเธอกันค่ะ บอกเลยว่าถ้าได้เห็นจะไม่ผิดหวังสักนิด
บ้านครบรอบ 1 ปีพอดี เลยขอมาเขียนกระทู้สักหน่อย เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับคนที่มีของเก่า แล้วอยากนำมาประยุกต์ชุบชีวิตให้มันกันค่ะ บอกเลยว่าการทำบ้านตัวเองมันเหนื่อยจริง ๆ แต่พอทำเสร็จแล้วก็หายเหนื่อยค่ะ ใช้ประสบการณ์ครั้งแรกกับบ้านตัวเอง
นี่คือกระทู้แรกของเราเลย ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า เราจบอินทีเรียมานะคะ ย้อนกลับไปตอนทำบ้านหลังนี้ กำลังเป็นซอมบี้ ทำธีสิสในปี 5 ปีสุดท้ายอยู่พอดี ธีสิสก็ต้องทำ บ้านก็โดนพ่อเซอร์ไพรส์ด้วยการบอกว่า ขายบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันได้แล้วนะ รีบไปออกแบบมาที จะให้รื้อไม้จากบ้านทรงไทยเก่าของปู่กับย่ามาปลูกใหม่ มันทิ้งร้างมาสักพักแล้ว เพราะปู่กับย่ามาอยู่กับเราที่กรุงเทพฯ และตอนนี้ท่านทั้งสองก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้วค่ะ เสียดายที่ปู่กับย่าไม่ได้เห็น รออะไรไม่ได้แล้ว ตอนนั้นก็เริ่มเลยค่ะ กลับไปดูบ้านไม้ที่ต่างจังหวัดที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นทวด ปู่ ย่า ซึ่งบ้านหลังนี้เราเองก็เคยอยู่มาบ้างตอนเด็ก เด็กมาก ๆ 555
หลังจากไปดู ตอนนั้นก็ยังคิดอะไรไม่ออก เพราะสภาพไม้ตามที่เราเห็นมันเก่าและไม่สวยจนเราคิดไม่ออกเลยค่ะ แถมประสบการณ์ก็แทบจะไม่มี ตอนเรียนก็ออกแบบแต่สไตล์ที่ชอบ ที่ถนัด
- ให้ดูสภาพในตัวบ้านค่ะ ตอนนั้นคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเอาตรงไหนมาทำอะไร 555 ยืนอึ้งอยู่กลางบ้านไปสิ… ในหัวก็คิดว่านี่พ่อหวงไม้ชิ้นไหนเนี่ย งง 555 เพราะมันดูเก่าและไม่สวยเอาซะเลย
เราลืมบอกตอนเราเข้าไปดูสภาพบ้าน เราเข้าไปกับช่างไม้ค่ะ แล้วระหว่างนั้นเขาก็ขอเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ นู่นนี่ เพราะคิดว่าเราคงไม่เอา ซึ่งเรากับแม่ก็คิดแบบนั้นค่ะ มันดูเก่าและดูจะพัง แต่พ่อบอกว่าว่าห้ามให้ค่ะ !!! ให้เอากลับมาให้หมด อย่างโต๊ะเล็กที่เห็นในรูปช่างไม้ก็ขอค่ะ แต่ไม่อยากจะบอกว่าที่พ่อให้เอากลับมา และเอามาซ่อมทำสีจนเสร็จ มันสวยมาก สวยแบบที่เราไม่คาดคิดเลย ถึงว่าช่างเขาจะเอา เอาไปทำใหม่คงขายได้ราคาดีเลยค่ะ
กลับมาที่ตัวบ้าน จากการที่เราเรียนคณะสถาปัตย์มา ถึงแม้จะเรียนออกแบบภายใน แต่ก็ยังคงมีวิชาสถาปัตย์ไทยที่ได้ออกทริปไปเกือบครบทุกจังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ทำให้เราได้เห็นบ้านไทย ๆ มาเยอะพอสมควร เราก็เก็บดีเทลที่เคยถ่ายรูปไว้มาประยุกต์ใช้ค่ะ เราอยากได้บ้านโมเดิร์น พ่ออยากได้บ้านทรงไทย ซึ่งนี่ก็คือโจทย์ของบ้านหลังนี้ค่ะ และที่สำคัญพ่อบอกว่า ให้ใช้ไม้ให้คุ้มค่าที่สุด ทำยังไงก็ได้ด้วยงบจำกัด จำกัดจริง ๆ ค่ะ แต่ถูกกว่าซื้อบ้านใหม่สมัยนี้เยอะเลยถ้าเทียบกับพื้นที่ขนาดนี้ ตั้งงบน้อย ๆ ไว้ก่อนค่ะ จะได้ไม่มีหนี้กันเนอะ
ขอเล่าก่อนว่าการจะประยุกต์ทำบ้านไทยภาคกลางนั้นมันยากมากค่ะ ลองไปภาคเหนือจะเห็นบ้านไทยโมเดิร์นสวย ๆ เยอะมาก เพราะเขาใช้แค่ไม้แผ่น ๆ แล้วเอามาทำ แต่สำหรับเรือนไทยภาคกลาง ฝาไม้ของบ้านคือฝาปะกนและฝาลูกฟัก ซึ่งเราไม่สามารถแยกส่วนประกอบของมันได้ ตอนรื้อออกมาก็รื้อออกมาเป็นแผง ๆ แบบนี้เลย
- และนี่ก็คือความยากค่ะ ในตอนออกแบบเราต้องมาวัดขนาดฝาผนังแต่ละบาน ฝาก็มี 2 แบบ ฝาปะกนกับฝาลูกฟัก มีจำนวนอย่างละกี่อัน จดละเอียดเลยค่ะ เพราะเราต้องสร้างบ้านโดยยึดฝาผนังบ้านที่เราจะใช้เป็นตัวกำหนดทั้งหมดเลย แบบบ้านของเราเลยออกมาเป็นเรือนไทย 2 หลัง หลังหนึ่งฝาปะกน อีกหลังหนึ่งฝาลูกฟัก แล้วตัดด้วยบ้านปูนสไตล์โมเดิร์นเลยค่ะ 555 จะรอดไม่รอดไม่รู้ สวยไม่สวยก็ไม่รู้ เพราะเราไม่ได้จ้างสถาปนิกค่ะ อาจารย์และทุก ๆ คนบอกให้ทำเองไปเลย
ความจริงเราก็เรียนวิชาในส่วนสถาปัตย์หลักมาอยู่บ้าง แต่แค่ไม่มั่นใจและไม่เคยทำจริง ก็เลยกลัว ๆ ค่ะ แต่สุดท้ายก็ทำก็ได้ ออกแบบ เขียนแปลน เขียนรูปด้านแล้วเอาไปจ้างเขาเขียนแบบวิศวะอีกทีค่ะ ซึ่งก็ทำเต็มที่ที่สุดของเราในตอนนั้นและก็กลับไปทำธีสิสจบต่อ ภาพบ้านในหัวของเรามีนะคะ แต่ยังไม่คงที่ 555 แบบที่เสร็จนี่ไม่ใช่แบบแรกนะคะ ล้มแบบตัวเองไปหลายครั้ง เพราะรู้สึกเอาไม้มาใช้ไม่คุ้ม สร้างไปก็ยังคิดไปอยู่เลยค่ะ คือถ้าได้เรียนจบแล้วทำงานคงดีกว่านี้เยอะเลย ตอนนั้นกลัวตลอดเวลา กลัวไม่เป็นอย่างที่เราคิด
- ระหว่างที่โครงสร้างกำลังขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่สำคัญที่สุดของบ้านหลังนี้ก็คือฝาไม้ค่ะ เราเอาไปให้ช่างไม้อยุธยาซ่อมอีกทีค่ะ เนื่องจากอายุมัน 100 กว่าปี ถ้าไม่ซ่อม ฝนน่าจะรั่วเข้ามาในบ้านแน่นอน และเราก็เอาหน้าต่างเดิมออกทั้งหมด เพราะหน้าต่างเดิมเป็นแบบทึบ เลยต้องทำใหม่เป็นบานกระจกแทนค่ะ ซึ่งช่างบอกว่า ซ่อมครั้งนี้เสร็จก็อยู่ต่อได้อีก 100 ปีเลยค่ะ ซึ่งเราก็แวะ ๆ ไปดูอยู่หลายรอบ แล้วให้เขาทำหน้าจั่วหลังคาให้ใหม่ด้วยค่ะ ใช้ไม้จากพื้นที่รื้อมาทั้งหมดค่ะ ไม่มีการเสียค่าซื้อไม้ใหม่ เสียเฉพาะค่าแรง
- ไม่รู้ทำไมตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นไม้ เหมือนพอมันถูกล้างขัด ซ่อมแซม มันสวยมากจริง ๆ เริ่มเข้าใจพ่อแล้ว ลุ้นค่ะว่าออกมาจะเป็นยังไง
- โครงสร้างเริ่มชัดขึ้นเมื่อหลังคามาค่ะ
- พอไม้มาถึง ซึ่งลายไม้สวยมาก ชอบไม้เข้าไปทุกที เราก็เริ่มจับมาทำสีค่ะ สีย้อมไม้ที่ใช้เราเลือกใช้สีไม้ประดู่ จะออกสีน้ำตาลเข้ม ๆ เลย คิดว่าอีกหลายปีมาก ๆ กว่าสีจะซีด ฮ่า ๆ ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะไม่กล้าใช้สีนี้ ถ้าพ่อเราเป็นคนทำ เขาทาสีย้อมไม้สีไม้สักแน่นอนค่ะ 555 แต่เราขอพ่อทำสีนี้ เพราะเคยไปเห็นที่โรงแรม เดอะ สยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรือนไทยโมเดิร์นมาก ๆ เขาทาสีดำเลยค่ะ แต่เราเอาแค่สีน้ำตาลเข้ม ๆ ละกัน พอโดนแดดก็ออกมาสวยค่ะ
- และนี่ก็คือตอนฝาผนังเอาเข้ามาประกอบ ผนังในส่วนห้องเราที่มองออกไประเบียง เราขอทำเป็นบานกระจกแทนค่ะ จะได้ทำให้ห้องไม่ทึบมาก ไม่อยากจะบอกว่าความสูงของฝาไม้ทั้งหมด 3 เมตรกว่าได้ ซึ่งห้องที่อยู่ในส่วนฝาผนังไม้ก็จะได้ระดับฝ้าที่สูงมาก ห้องเลยดูใหญ่โตมโหฬารมาก ๆ ด้วย จริง ๆ เราจะกั้นห้องด้วยบานอะลูมิเนียมยังทำยากเลยเพราะสูงมาก ซึ่งมันก็เลยแพงมากตามไปด้วย
ส่วนนี้เป็นดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านค่ะ
ถือเป็นสมบัติรุ่นปู่ย่าที่ส่งมาสู่รุ่นลูกก็คือพ่อของเรา ผู้ที่ก็รักไม้สุด ๆ และส่งต่อมาถึงเรา แล้วไม้จากบ้านหลังนี้ก็คงจะส่งต่อไปอีกยาวนานสุด ๆ และการที่เราทำบ้านตัวเองหลังแรกนี้ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลย เพราะเจอปัญหาเยอะแยะไปหมด ประสบการณ์ก็ไม่มี ใช้แค่ความรู้ตอนเรียนมาและมาดูตอนช่างทำบ่อย ๆ บางทีก็ขอบคุณที่พ่อกับแม่กล้าให้ทำ ทั้ง ๆ ที่ลูกก็ยังเรียนไม่จบเลย เป็นประสบการณ์จริง ๆ ค่ะ ถึงอาจจะไม่ใช่บ้านที่ดีที่สุด แต่เขาก็น่าจะภูมิใจ
ความจริงฝาไม้ของบ้านหลังนี้เกือบมาไม่ถึงรุ่นเราแล้วค่ะ พ่อบอกว่า พ่อยายทวดบอกให้ถวายทำกุฏิให้วัดหน้าโบสถ์หลวงพ่อโตไปเป็นที่เรียบร้อย แต่โชคดีที่ทางวัดเขาบอกว่าหลังใหญ่ไป สร้างต่อจากกุฏิเก่าไม่ได้ ไม่เป็นแนวต่อเนื่องกัน เราก็เลยได้เก็บมาทำบ้านหลังนี้ ดีกว่าทิ้งร้างไปเลย พ่อคงคิดมาแล้วว่าลูก ๆ คงไม่มีใครไปอยู่บ้านไม้แน่ ๆ ฮ่า ๆ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจบนะคะ เผื่อใครมีอะไรเก่า ๆ สมบัติเก่า ก็ลองเอามาใช้ประโยชน์ให้มันมีมูลค่ากันนะ อย่าปล่อยให้มันดูไร้ค่าเลย ของบางอย่างที่เราไม่เคยที่จะมองว่ามันมีค่า แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะมีค่าจนเราคิดไม่ถึงเลยก็ได้นะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ วิรัญญา รักประยูร