ไขข้อสงสัย ผักไฮโดรโปนิกส์ คืออะไร มีกี่ชนิด และมีวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์อย่างไร ตามไปดูกันเลย
![ผักไฮโดรโปนิกส์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/ec6cb28f-1132-4b19-aca0-987a9fe910da.jpg)
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ถือว่าตอบโจทย์สำหรับบ้านที่ไม่มีที่ดินแต่ก็สามารถปลูกผักกินเองได้ แถมใช้พื้นที่ไม่ต้องมาก และการปลูกผักชนิดนี้มีความสะอาด ปลอดภัย และปลูกได้หลากหลายทั้งผักสลัดและผักสวนครัวเลยทีเดียว โดยถ้าหากใครกำลังมองหาวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มาฝากแล้วค่ะ
ผักไฮโดรโปนิกส์ คืออะไร
ผักไฮโดรโปรนิกส์ (Hydroponics) คือ การปลูกผักแบบไม่ต้องใช้ดิน แต่จะปลูกด้วยน้ำที่ผสมกับสารละลายที่มีธาตุอาหารพืช เมื่อรากสัมผัสกับสารปลูกตัวนี้ก็จะสามารถดูดสารอาหารไปใช้ได้โดยตรง
ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับการปลูกผักสลัดและผักสวนครัว เหมาะสำหรับบ้านที่พื้นที่น้อยหรือต้องการประหยัดพื้นที่ในการปลูก รวมทั้งคนรักสุขภาพที่อยากกินผักปลอดสารเคมีและมีความปลอดภัย
ประเภทการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มี 3 แบบ ได้แก่
1. ระบบ NFT (Nutrient Film Technique) : เป็นการปลูกผักโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหาร โดยสารอาหารดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ หนา 1-3 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับรากพืชโดยตรง และจะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากในประเทศไทย
2. ระบบ DRFT (Dynamic Root Floating Technique) : หรือการปลูกผักแบบลอยน้ำ เป็นการปลูกผักโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำที่มีความลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร โดยจะปลูกในราง ภาชนะ หรือถาดปลูก และมีการเติมออกซิเจนด้วยการใช้ปั๊มลม เหมาะกับพื้นที่เล็ก ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถปลูกเป็นงานอดิเรกได้
3. ระบบ DFT (Deep Flow Technique) : เป็นการปลูกผักโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 5-10 เซนติเมตร โดยน้ำจะไหลผ่านรากพืชอย่างช้า ๆ แต่สม่ำเสมอ
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
![ผักไฮโดรโปนิกส์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/1b27110d-4757-440a-adc3-078d93511a1d.jpg)
- เตรียมภาชนะปลูก : ขั้นตอนการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เริ่มจากการเลือกภาชนะที่ใช้ในการปลูก สามารถเลือกซื้อเป็นชุดสำเร็จรูปสำหรับครัวเรือนที่มีขายอยู่ทั่วไปก็ได้
- เตรียมเครื่องมือตรวจวัด : สำหรับตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่างของสารละลายธาตุอาหารพืช (pH meter) และเครื่องมือตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายธาตุอาหารพืช (EC meter) เพื่อให้สารละลายมีค่า pH และค่า EC ที่เหมาะสม
- การเพาะเมล็ด : โดยเพาะเมล็ดในถ้วยเพาะสำเร็จรูปที่มีรูให้น้ำซึมผ่านได้อยู่ด้านล่าง จากนั้นใส่น้ำให้สูงประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วนำถาดเพาะไปวางไว้ในกระบะหรือถาดที่ใส่น้ำเปล่า พร้อมกับวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไรและมีการระบายอากาศดี เมื่อผ่านไปประมาณ 3-4 วัน เมล็ดผักก็จะงอก หลังจากนั้นเพิ่มสารละลายธาตุอาหารให้กับพืชในความเข้มข้นต่ำ (ประมาณ 0.5 ms/cm) พอรากเริ่มยาวค่อยย้ายลงสู่รางปลูก
- เตรียมสารละลายธาตุอาหาร : สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ์สำหรับการปลูกพืชไฮโดรโปรนิกส์ ในการใช้งานต้องทำการปรับค่า EC และ pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) ให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูกด้วย ซึ่งโดยปกติค่า pH ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 5.8-6.5 ส่วนค่า EC อยู่ที่ 1.8-2.0 ms/cm และจะมีอายุการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ประมาณ 45 วัน
ผักไฮโดรโปนิกส์ มีอะไรบ้าง
1. ผักกาดหอม
![ผักกาดหอม](https://s359.kapook.com//pagebuilder/f2287175-70f5-4a50-8075-ce3d639f20d7.jpg)
ผักกาดหอม (Lettuce) ลักษณะเป็นผักใบสีเขียวหรือสีแดง ใบหยักเป็นคลื่น มีทั้งพันธุ์ห่อหัวและไม่ห่อหัว อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินเค วิตามินเอ แมกนีเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยบำรุงสายตา เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ ให้เป็นปกติ
2. ผักคอส
![ผักคอส](https://s359.kapook.com//pagebuilder/18433cb0-f9fc-4cc2-9491-41f156ecb6e7.jpg)
ผักคอส (Cos Lettuce) หรือผักกาดโรเมน ผักกรีนคอส เบบี้คอส ผักกาดหวาน ลักษณะเป็นใบเรียวยาวสีเขียว มีความกรอบและรสชาติขมเล็กน้อย อุดมไปด้วยวิตามินซี มีไฟเบอร์สูง โพแทสเซียม และโฟเลต
3. ผักกาดแก้ว
![ผักกาดแก้ว](https://s359.kapook.com//pagebuilder/68753e23-d552-4dcc-9dcb-92fcdf4203fa.jpg)
ผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce) หรือผักสลัดแก้ว ลักษณะม้วนห่อเป็นหัวแบบหลวม ๆ ใบสีเขียวอ่อน ขอบใบหยักและบางกรอบ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินซี โพรแทสเซียม กรดโฟเลต และสารอาหาร รวมทั้งแร่ธาตุที่มีประโยชน์กับร่างกาย เหมาะสำหรับเมนูสลัด
4. กวางตุ้ง
![กวางตุ้ง](https://s359.kapook.com//pagebuilder/119d1385-809a-428b-896a-067f9261b336.jpg)
กวางตุ้งมีหลายชนิด แต่ที่นิยมนำมาปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์คือ กวางตุ้งฮ่องเต้ (Baby Pak Choi) ผักสีเขียวปลายใบมนกลม ก้านใบหนามีสีขาวอมเขียว อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามิน B6 ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด บำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคหลอดเลือดหัวใจ
5. กรีนโอ๊ค
![กรีนโอ๊ค](https://s359.kapook.com//pagebuilder/f313f62b-f7e5-4928-8ab9-f555387e4635.jpg)
กรีนโอ๊ค (Green Oak Lettuce) ลักษณะเป็นผักใบหยักสีเขียวอ่อน รูปทรงพุ่ม รสชาติหวานกรอบ อุดมด้วยวิตามินบี วิตามินซี และไฟเบอร์ บำรุงสายตา กล้ามเนื้อ และเส้นผม เหมาะสำหรับเมนูสลัด
6. บัตเตอร์เฮด
![บัตเตอร์เฮด](https://s359.kapook.com//pagebuilder/50254cb0-42f3-4f96-90f8-8ebecd14038f.jpg)
บัตเตอร์เฮด (Butter Head Lettuce) ลักษณะคล้ายกะหล่ำปลี ใบสีเขียวอ่อนซ้อนกันแบบหลวม ๆ มีรสชาติหวานกรอบ อุดมไปด้วยวิตามินเอ โพแทสเซียม กรดโฟเลต เบต้าแคโรทีน ลูทีน เหมาะสำหรับเมนูสลัด
7. เรดโอ๊ค
![เรดโอ๊ค](https://s359.kapook.com//pagebuilder/42af031a-b080-4d17-90fe-fdf133f4f4a8.jpg)
เรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce) ลักษณะเป็นผักใบหยักสีแดงและมีสีเขียวแซม รูปทรงพุ่ม รสชาติหวานกรอบ อุดมด้วยกากใย เหมาะสำหรับผู้ที่ขับถ่ายยาก มีแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เป็นต้น เหมาะสำหรับเมนูสลัด
8. ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก
![ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก](https://s359.kapook.com//pagebuilder/62a41e91-e633-4782-8a00-c50c98542bd4.jpg)
ฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก (Frillice Iceberg) ใบมีสีเขียวอ่อนและสีเขียวเข้ม ลักษณะเป็นพุ่มฝอยหยิก รสชาติหวานฉ่ำน้ำ อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี มีประโยชน์ช่วยบำรุงสายตา ขับเสมหะ ป้องกันมะเร็ง บำรุงร่างกาย สร้างเม็ดเลือด ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นอกจากทำสลัดแล้วยังทำเมนูเมี่ยงหรือยำได้ด้วย
9. ผักกาดขาวไดโตเกียว
![ผักกาดขาวไดโตเกียว](https://s359.kapook.com//pagebuilder/19d363f0-ec6e-458d-8369-1a36bc6568e2.jpg)
ผักกาดขาวไดโตเกียว หรือโตเกียวเบกาน่า (Dai Tokyo Bekana) ลักษณะลำต้นตรงสีขาว ใบใหญ่หนามีสีเขียวอ่อน ขอบใบหยัก รสหวานกรอบ อุดมด้วยกากใย วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส นิยมนำมาผัด ทำแกงจืด สุกี้ ลวกจิ้มน้ำพริก
10. ปัตตาเวีย
![ปัตตาเวีย](https://s359.kapook.com//pagebuilder/dd164d4b-2a70-4a73-a97c-13af27a2643a.jpg)
ปัตตาเวีย (Batavia) มีทั้งกรีนปัตตาเวียและเรดปัตตาเวีย หน้าตาคล้ายกรีนโอ๊คและเรดโอ๊ค คือเป็นทรงพุ่มห่อหัวแบบหลวม ๆ แต่ใบหยิกกว่า เรียงซ้อนเป็นชั้นหรือลอนคลื่น อุดมด้วยวิตามินซี ไฟเบอร์สูง บำรุงสายตา บำรุงประสาทและกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับเมนูสลัด
ประโยชน์ของระบบไฮโดรโปนิกส์
![ผักไฮโดรโปนิกส์](https://s359.kapook.com//pagebuilder/70280085-affa-425f-a5df-cacf8b3e7f1f.jpg)
- เนื่องจากไม่ได้ปลูกในดินจึงปลอดภัยจากสารพิษ ไม่มีสิ่งปนเปื้อน ไม่มีโรคที่เกิดในดิน ไม่มีวัชพืชมารบกวน อีกทั้งผักมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสดกรอบกว่าผักที่ปลูกในดิน
- สามารถปลูกได้ทุกที่ ปลูกได้ในพื้นที่น้อย สามารถปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือปลูกจำหน่ายได้ด้วย
- สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมได้ง่ายกว่าปลูกในดิน สามารถควบคุมการให้น้ำได้ตามความต้องการของพืช จึงสามารถผลิตผักได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
- พืชผักเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้เร็วกว่าการปลูกพืชผักในดินอย่างน้อยประมาณ 1-2 สัปดาห์
จะว่าไปการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ก็น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากสามารถปลูกบนคอนโดหรือหอพักก็ได้ มีผักให้ปลูกหลากหลายทั้งผักสลัดและผักสวนครัว ถ้าปลูกเองได้กินผักสด สะอาด ไร้สารเคมี และได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย