
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อย่างที่รู้กันดีว่า..ในห้องครัวเต็มไปด้วยอุปกรณ์และข้าวของเครื่องใช้มากมาย ซึ่งนอกจากจานชาม ภาชนะต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีเครื่องปรุง กับวัตถุดิบเตรียมอาหารสำหรับมื้อต่อ ๆ ไปด้วย ทั้งของสด ของแห้ง ขนมหวาน รวมไปถึงเครื่องดื่ม ซึ่งทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาว่า คุณพ่อบ้านแม่บ้านจะจัดการข้าวของเหล่านี้อย่างไรให้พอเหมาะพอดีกับห้องครัวของตัวเอง หากตอนนี้คุณปรับแล้วเปลี่ยนอีก แต่ยังไง๊...ยังไงก็ไม่ลงตัวเสียที อย่าเพิ่งถอดใจหรือท้อแท้ไป ก่อนจะได้ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูก่อนค่ะ

ภาพจาก Simply Happy

ถ้าห้องครัวของคุณไม่มีตู้เก็บของแบบบิวท์อิน แต่ยังพอมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่เล็กน้อยก็ลองมองหาตู้แบบฟรีสแตนดิ้ง หรือตู้ลอยตัว สวย ๆ สักใบมาวาง รับรองว่าหลังจากนี้ห้องครัวของคุณจะเป็นระเบียบและเรียบร้อยขึ้น ทั้งนี้ถ้าหากที่บ้านของคุณมีตู้เก็บของดังที่กล่าวมาอยู่แล้ว แต่เก็บของได้น้อยอาจจะพิจารณาสัดส่วน แล้วต่อเติมเพิ่มชั้นวางเข้าไปก็ได้

ภาพจาก Neuhaus Design

หากบรรยากาศห้องครัวแบบเดิมทำให้คุณรู้สึกเบื่อ ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำอาหาร อาจถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนห้องครัวเสียใหม่แล้ว และถ้าจะให้ดีการปรับปรุงครั้งนี้ควรจะเกิดประโยชน์ไปพร้อมกันด้วย นั่นคือรีโนเวทผนังห้องครัวให้กลายเป็นชั้นวางของแบบเปิด ที่นอกจากจะเพิ่มตำแหน่งวางของแล้ว ยังทำให้ห้องครัวดูกว้างขวางไปพร้อมกันด้วย

ภาพจาก Dura Supreme

ถึงแม้บริเวณใต้ซิงค์ล้างจานจะเล็กและแคบ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้กลายเป็นพื้นที่เสียเปล่า ให้นำตะกร้าหรือชั้นวางแบบแขวนมาติด เปลี่ยนเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดกันดีกว่า อย่างเช่น ฟองน้ำ น้ำยาล้างจาน สเปรย์ขจัดคราบสกปรก ฯลฯ ไม่เพียงแต่จะหยิบง่ายใช้สะดวกและช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ เท่านั้น เพราะยังเป็นการป้องกันไม่ให้เคมีภัณฑ์ปะปนกับอาหารด้วย

ภาพจาก The Vintage Wren

สำหรับบ้านที่มีมุมกาแฟแยกต่างหาก แทนที่จะใช้ชั้นวางของแบบเดิม ลองพิจารณาเปลี่ยนเป็นกล่องหรือตะกร้ากันดีกว่า เพราะนอกจากจะน่ารัก น่ามอง และน่าใช้มากกว่าแล้ว ยังสามารถเก็บของได้มากขึ้นด้วย ส่วนอีกด้านก็นำเครื่องชงกาแฟแบบออลอินวันมาแทน หลังจากนี้มุมโต๊ะกาแฟที่สุดแสนจะธรรมดา อาจจะกลายเป็นมุมโปรดอีกหนึ่งมุมของคุณไปเลยก็ได้


ถึงแม้พื้นที่ในตู้เย็นจะค่อนข้างจำกัด แต่ทว่าสามารถเก็บของได้มากกว่าที่คิด โดยการแพ็กของสด อาหาร และขนมใส่กล่องพลาสติก หรือคลุมด้วยแผ่นพลาสติกหุ้มอาหาร เพื่อให้ง่ายต่อการตั้งซ้อนทับกันหลายชั้น สำหรับเครื่องดื่มประเภทกระป๋อง เรียงใส่ชั้นวางอันเล็ก ๆ ให้เรียบร้อยก่อนนำเข้าตู้เย็น ส่วนอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่านั้นก็คือ การนำอาหารเหลวแพ็กใส่ถุงซิปล็อก พร้อมกับจัดใส่ตะกร้าให้เรียบร้อยก่อนแช่ในช่องฟรีซ เท่านี้ก็เหลือพื้นที่สำหรับเก็บของอื่น ๆ ที่คุณต้องการอีกเหลือเฟือ


อีกหนึ่งพื้นที่ที่ทุกคนมักจะมองข้ามก็คือ พื้นที่ว่างเล็ก ๆ ระหว่างใต้ตู้เก็บของกับพื้นห้องครัว หรือบริเวณมุมเคาน์เตอร์ ซึ่งในส่วนนี้คุณสามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ โดยการเสริมลิ้นชักเข้าไป ส่วนจะเอาไว้เก็บอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเอง ทั้งนี้ถ้าหากกังวลเรื่องกลิ่น ศัตรูตัวร้าย เช่น แมลงสาบ หนู หรือมด อย่าลืมนำลูกเหม็น หรือของหอมมาใส่เอาไว้ด้านในด้วย

ภาพจาก Avenue Lifestyle

เนื่องจากแพ็กเกจของสินค้าแต่ละชนิดค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และกินพื้นที่วางพอสมควร ดังนั้นก่อนนำไปเก็บอาจจะใส่รวมเอาไว้ในภาชนะเดียวกัน ซึ่งภาชนะที่เลือกมาควรเป็นทรงสูงหรือหน้าตัดแคบก็จะช่วยให้คุณมีพื้นที่เหลือมากขึ้น ตัวอย่างเช่น น้ำตาล แป้ง ซีเรียล แกะใส่กล่องหรือขวดให้เรียบร้อยก่อนนำไปเก็บ ทั้งนี้อาจจะเพิ่มเติมลวดลาย สีสันเจ้าไปเพื่อให้ดูน่ากิน

ภาพจาก Mitchell Construction Group

บานประตูก็เป็นอีกหนึ่งจุดคุณสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน โดยการนำตะขอ ราวแขวน หรือต่อเติมชั้นเก็บของเข้าไป เท่านี้ก็มีพื้นที่สำหรับเก็บของในห้องครัวเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้ควรระมัดระวังเรื่องน้ำหนักของสิ่งของที่จะนำมาวางสักนิด เพราะหากวางสิ่งของที่มีน้ำหนักหรือจำนวนมากเกินไป อาจทำให้บานประตูชำรุด หัก พังได้

ภาพจาก Glenvale Kitchens

สำหรับห้องครัวขนาดเล็กและค่อนข้างแคบ อาจจะไม่เหมาะกับการใช้ตู้แบบตั้งพื้นสักเท่าไหร่ เนื่องจากตู้ดังกล่าวใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก คงดีกว่าหากย้ายสิ่งของมาเก็บไว้ในลิ้นชักแทน พร้อมกับจัดวางโดยแยกเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน ในกรณีที่คุณเป็นคนหลง ๆ ลืม ๆ หรือกลัวว่าจะเสียเวลา อย่าลืมติดลิสต์รายการสิ่งของระบุไว้ด้านหน้าลิ้นชักด้วย

ภาพจาก Mary Prince ออกแบบโดย Jennifer Clapp

หากผนังในห้องครัวยังว่าง โล่ง อาจจะเติมพื้นที่ให้เต็มด้วยการนำตะขอ ราวแขวน หรือชั้นวางมาติดตั้งลงไป สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ อย่างเช่น กระทะ หม้อ หรืออื่น ๆ ได้ทั้งที่เก็บของ แถมยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว

ภาพจาก Kitchen Lab

เครื่องปรุงต่าง ๆ แทนที่จะวางไว้บนโต๊ะหรือเคาน์เตอร์เหมือนเคย ลองสลับสับเปลี่ยนนำไปวางเรียงในลิ้นชักดูบ้าง แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าห้องครัวกว้างขวางขึ้นอีกเยอะเลย โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร อีกทั้งยังไม่ต้องเสี่ยงกับเครื่องปรุงที่อาจจะหก ตก แตกอีกด้วย

ภาพจาก Dura Supreme

ในความเป็นจริงแล้วสิ่งของในห้องครัวอาจไม่ได้มีเยอะแยะมากเท่าที่คุณเห็น หากไม่เชื่อลองจัดหมวดหมู่สิ่งของด้วยถาดแบ่งดูบ้าง หลังจากนี้อาจจะพบว่าห้องครัวของคุณยังมีพื้นที่สำหรับกักเก็บอาหาร สิ่งของได้อีกมากมายเลย อย่างเช่น ถาดเล็ก ๆ ที่มีช่องเก็บช้อน ส้อม ทัพพี และเครื่องครัวอื่น ๆ อย่างชัดเจน แถมยังง่าย สะดวกต่อการหยิบใช้ด้วย

ภาพจาก Plain & Fancy

กว่าจะเปิดปิดบานพับได้แต่ละครั้งก็ยุ่งยากลำบากเหลือกเกิน โดยเฉพาะเวลาที่คุณถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ทั้งนี้อาจจะดีกว่าหากเปลี่ยนจากบานพับเป็นบานสไลด์แบบแนวตั้งหรือแนวนอน คราวนี้จะหาของที่ต้องการก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แถมยังทำให้ห้องครัวดูกว้างขวางกว่าที่เคย อีกทั้งยังซ่อนสิ่งของให้พ้นสายตาเมื่อไม่ใช้ด้วย

ภาพจาก Williams-Sonoma Home

หลังจากนี้ไอส์แลนด์จะไม่ใช่แค่ที่เตรียมอาหารอีกต่อไป หากคุณเพิ่มเติมชั้นวางของหรือลิ้นชักเข้าไปด้านข้างด้วย โดยอาจจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บของ ชั้นวางหนังสือสูตรอาหาร หรือเสริมช่องสำหรับวางโทรทัศน์ เอาไว้ดูในระหว่างทำอาหารก็ได้


ถึงแม้จะมีตู้เพียงใบเดียวก็สามารถจัดเก็บของได้ตามต้องการ แต่อาจจะต้องดัดแปลงโครงสร้างเล็กน้อย โดยการขยายความสูงให้มากขึ้น แล้วเปลี่ยนส่วนบนเป็นตู้เก็บของ ส่วนด้านล่างทำเป็นชั้นวางแบบเปิดสำหรับวางของกระจุกกระจิก หรือใส่พวกเตาอบ ไมโครเวฟก็ได้ สำหรับด้านข้างตกแต่งด้วยราวแขวน หรือตะขอ ได้ทั้งที่เก็บของแถมยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะเลย

ภาพจาก Renewal Design-Build

เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณมีพื้นที่สำหรับเก็บของได้มากขึ้นก็คือ การจัดแบ่งตามขนาดหรือประเภทของสิ่งของ อย่างเช่น วางอาหารกระป๋องไว้บนชั้นเดียวกัน เก็บของขนาดเดียวกันในตำแหน่งเดียวกัน ส่วนกล่องต่าง ๆ ก็เรียงจากขนาดใหญ่ไปหาขนาดเล็ก เป็นต้น นอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาค้นหาแล้ว ยังมีที่ว่างสำหรับของที่ได้จากการช้อปปิ้งในครั้งต่อไปด้วย

ภาพจาก Jackson Design & Remodeling

ต่อจากนี้หากไม่อยากให้ถังขยะเกะกะสายตาหรือกีดขวางทางเดินอีก ลองเปลี่ยนจากวางบนพื้นห้องครัว ไปซ่อนเอาไว้ในลิ้นชักน่าจะเป็นทางออกที่ดีไม่น้อยเลย แต่ถ้าหากไม่มีอาจจะแขวนเอาไว้ด้านหลังของประตูห้องครัว จะได้เอาพื้นที่ส่วนนั้นทำประโยชน์อื่น ๆ แถมยังไม่ต้องกลัวว่าจะสะดุด เปรอะเปื้อนพื้นห้องเหมือนที่ผ่าน ๆ มา

ภาพจาก KB Cabinets

พื้นที่เก็บของใช่ว่าจะต้องเป็นตู้ใหญ่ ๆ เสมอไป ทั้งนี้คุณสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงพื้นที่เก็บให้เข้ากับขนาดของครัวได้ โดยดูจากความเหมาะสม อย่างเช่น ตู้เก็บของแบบบานเลื่อน พร้อมกับดัดแปลงจำนวนชั้นวางตามต้องการ นอกจากจะมองหาของที่จะใช้ได้ง่ายกว่าการเก็บแบบห้องรวมแล้ว ยังช่วยเตือนความจำด้วยว่าตอนนี้มีอาหารสำรองประเภทใดเหลืออยู่บ้าง

ภาพจาก AHMANN

หากคุณต้องการขยายพื้นที่ชั้นวางของไม่จำเป็นจะต้องซื้อตู้ใหม่เสมอไป เพียงแค่เพิ่มส่วนสูงให้กับชั้นวางเท่านั้นเอง อย่างเช่น จากเดิมสูงแค่ระดับสายตาก็อาจจะขยายให้จรดเพดาน หรือมากกว่านั้นเล็กน้อย และถ้าต้องการความเป็นระเบียบที่มากขึ้น อย่าลืมแบ่งช่องให้ชัดเจนด้วย หลังจากนี้ก็เหลือแค่วางแผนว่าจะวางอะไรไว้ตรงไหนเท่านั้น

ภาพจาก BY DESIGN Builders

หากในห้องครัวมีขวดเครื่องปรุงค่อนข้างเยอะ อย่างเช่น น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู ซอสปรุงรสต่าง ๆ ก็จัดเก็บลงลิ้นชักให้หมด ส่วนบนโต๊ะและเคาน์เตอร์เหลือเอาไว้เฉพาะของจำเป็นกับของที่ใช้บ่อย ๆ นิดหน่อยก็พอ
หลังจากนี้ก็ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมกับห้องครัวของคุณดูนะคะ จะได้มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร เก็บของสำรองอื่น ๆ พร้อมกับทำให้ห้องครัวเป็นระเบียบเรียบร้อย