
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
วิธีเลือกพรมปูพื้น สำหรับคนที่อยากได้พรมปูพื้นบ้านสวย ๆ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ต้องรีบมาเก็บความรู้วิธีเลือกพรมปูพื้นกันเลย
พรมปูพื้นกลายเป็นของตกแต่งบ้านที่ให้ทั้งความนุ่มสบายเท้า และยังช่วยเพิ่มสไตล์การตกแต่งบ้านให้หรูหราได้มากขึ้น เลยไม่น่าแปลกนักถ้าเราจะเห็นการตกแต่งบ้านแสนเก๋ด้วยพรมผืนสวย แล้วถ้าอยากเลือกพรมปูพื้นมาตกแต่งบ้านบ้าง เราควรต้องเลือกพรมปูพื้นอย่างไรดีให้ตรงใจที่สุด ลองมาหาคำตอบกันค่ะ

แน่นอนว่าของคุณภาพดีย่อมมีอายุการใช้งานที่ทนทานกว่าอยู่แล้วยิ่งถ้าเป็นพรมปูพื้นก็ควรต้องเลือกวัสดุที่บุรองด้วยความรอบคอบสักหน่อย เพื่อให้เราแน่ใจได้ว่าพรมปูพื้นบ้านของเราจะไม่สึกหรอในเร็ววัน โดยวัสดุรองพื้นพรมที่ดีควรต้องเป็นพื้นยางซึ่งจะช่วยให้พรมยึดพื้นบ้านได้อย่างแน่นหนากว่าวัสดุอื่น ๆ นอกจากนี้น้ำหนักสุทธิของพรมควรจะอยู่ราว ๆ 2.7-3.6 กิโลกรัม โดยมีเส้นไหมอย่างน้อย 3-4 เส้นไหม ต่อ 1 เส้นพรมด้วยนะคะ

เนื่องจากพรมปูพื้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด หลายคนเลยอาจสับสนไม่รู้จะเลือกพรมแบบไหนมาปูพื้นห้องต่าง ๆ ในบ้านดี แต่การตัดสินใจเลือกใช้พรมที่ดูสวยและเหมาะกับสไตล์บ้านแค่นั้นอาจจะไม่พอ เราต้องเลือกปูพรมที่มีเส้นทอแน่นหนาจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้เห็นบุรอง เส้นพรมต้องนิ่มและฟูเพื่อให้รองรับแรงกระแทกได้ดี ที่สำคัญต้องให้สัมผัสนุ่มเท้าด้วย ซึ่งลักษณะพรมแบบนี้ควรใช้กับพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินบ่อย เช่น ห้องนอน เป็นต้น ส่วนห้องที่ใช้ค่อนข้างมีคนเดินพลุกพล่าน เช่น ห้องครัวและห้องนั่งเล่น ควรเลือกใช้พรมขนสั้นหรือพรมผิวเรียบเพื่อให้ดูดฝุ่นและทำความสะอาดได้ง่ายแทน

สำหรับคนที่คิดจะปูพรมทั้งบ้าน แนะนำให้เลือกปูพรมหลาย ๆ ชนิดภายใต้ความเหมาะสมกับการใช้งานห้องต่าง ๆ เนื่องจากพรมขนห่วงที่มีเส้นทอหนาแน่น คุณภาพสูง มักจะมีราคาค่อนข้างแพงตามไปด้วย ฉะนั้นเราควรเลือกปูพรมชนิดนี้กับห้องที่ไม่ค่อยถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการยืดอายุพรมปูพื้นให้ใช้ได้นาน ๆ และคุ้มค่าที่สุด แต่สำหรับพื้นโถงทางเดิน พื้นห้องครัว และพื้นห้องนั่งเล่น อาจเลือกปูพรมขนตัดที่มีแม้จะมีความหนาแน่นของเส้นพรมเบาบางกว่า แต่ก็ทนทานและให้สัมผัสนุ่มเท้าค่อนข้างมาก พร้อมกันนั้นควรเลือกปูพรมที่มีคุณสมบัติป้องกันการซึมเปื้อนของคราบด้วย

พรมเป็นวัสดุที่ควรต้องได้รับการดูแลรักษาและมีระยะเวลาการใช้งานอย่างชัดเจนระบุไว้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้หลายร้านที่บริการปูพรมจึงมักจะมีการรับประกันผืนพรมที่เราซื้อ แถมอาจจะมีบริการหลังการขายพ่วงมาด้วยอีกต่างหาก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ค่อนข้างคุ้มค่ากับผู้บริโภคอย่างเราถูกไหมคะ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่ตัดสินใจซื้อพรมจากบริษัทเหล่านี้ล่ะเนอะ

ก่อนเลือกซื้อพรมปูพื้นมาตกแต่งบ้าน เราควรสอบถามคนขายให้แน่ใจก่อนว่า พรมชนิดนั้น ๆ ควรดูแลรักษาเบื้องต้นอย่างไร และขั้นตอนการทำความสะอาดพรมที่ถูกต้องควรทำยังไง โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงร่วมชายคาอยู่ด้วย คุณควรต้องเรียนรู้วิธีทำความสะอาดพรมและการดูแลพรมเบื้องต้นไว้เอาเลย อีกทั้งอย่าลืมเลือกพรมที่มีคุณสมบัติป้องกันคราบซึมเปื้อนมาใช้แทนพรมปกติด้วยนะคะ เพราะพรมที่มีคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้จะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า แถมยังช่วยย่นระยะเวลาการทำความสะอาดของคุณให้น้อยขั้นตอนลงด้วย

ถ้าคุณต้องการให้ห้องมีบรรยากาศเย็นสงบควรปูพรมสีฟ้าหรือสีเขียว แต่สำหรับห้องเล็กที่ต้องการทำให้ดูกว้างควรเลือกปูพรมสีสว่าง ส่วนห้องขนาดใหญ่ที่ต้องการเสริมบรรยากาศอบอุ่นควรใช้พรมสีทองหรือสีแดงอ่อน หรือถ้าผนังห้องตกแต่งไว้ฉูดฉาดอยู่แล้วอาจจะเลือกปูพื้นพรมสีเนื้อหรือสีครีมแทนก็ได้ ส่วนใครต้องการปกปิดคราบสกปรกและต้องการให้ห้องมีบรรยากาศลึกลับน่าค้นหา แนะนำให้ปูพรมสีดำหรือสีเข้มไปเลยค่ะ แต่อย่างไรก็ดี การเลือกสีของพรมก็ควรแมทช์กับสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณเองด้วยนะ


ใครต้องการปูพรมให้ขั้นบันไดเพื่่อความสวยงามดูสง่า แนะนำให้เลือกปูพรมขนตัดแทนพรมขนห่วง เนื่องจากพรมขนตัดจะมีลักษณะที่เหมาะกับการโค้งงอตามรูปขั้นบันไดมากกว่าพรมขนห่วง แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกพรมที่มีเส้นทอหนาแน่นพอสมควรด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นเมื่อพรมต้องโค้งงอตามขั้นบันไดแล้ว เส้นพรมอาจแตกแยกจนเห็นไปถึงวัสดุบุรองได้ โดยวิธีทดสอบความแน่นหนาของผืนพรมก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มลงไปบนพื้นพรม หากเส้นพรมของผืนพรมหนาและละเอียดมากพอ เราจะไม่สามารถแตะไปจนถึงวัสดุบุรองได้

เพราะความที่พรมสังเคราะห์มักจะมีสาร VOCs อัดแน่นอยู่ ซึ่งเป็นสารระเหยที่อันตรายกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมรอบบ้านเป็นอย่างมาก ฉะนั้นคงดีกว่าถ้าเราจะหันมาเลือกปูพรมที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติแทน เช่น พรมขนสัตว์ พรมที่ถักจากปอ หรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ จะได้ปลอดภัยทั้งครอบครัว
อย่างไรก็ดีเมื่อปูพรมให้พื้นบ้านแล้ว ก็ควรต้องดูแลรักษาความสะอาดให้บ่อยขึ้น ด้วยการดูดฝุ่นผืนพรมเป็นประจำทุกสัปดาห์ และระมัดระวังอย่าให้น้ำหรืออาหารหกเลอะบนผืนพรม ส่วนใครที่เลี้ยงสัตว์อาจจะต้องขยันดูดฝุ่นเพิ่มอีกเท่าตัวด้วยนะจ๊ะ

