มาปลูกฟักทองเองแบบง่าย ๆ ตามสไตล์คนรักผักสวนครัวกันดีกว่า จะเอาไว้กินเองก็ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หรือจะส่งมอบเป็นของขวัญก็ดูมีคุณค่าทางใจ แม้ไม่ต้องเสียเงินซื้อให้ฟุ่มเฟือย
ฟักทอง นับว่าเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่ตำรับครัวไทยมาเนิ่นนาน มีประโยชน์มหาศาลทั้งช่วยในเรื่องผิวพรรณความงามและยังบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้อีกด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ กระปุกดอทคอมจึงไม่รอช้าที่จะนำวิธีปลูกฟักทองเองมาฝากกัน น่าจะโดนใจคนที่ชอบผักสวนครัวชนิดนี้มากทีเดียว สำหรับคนที่อยากจะมีผักสด ๆ ไว้กินก็สามารถนำวิธีปลูกฟักทองง่าย ๆ วิธีนี้ไปปลูกกันได้นะคะ
- เมล็ดฟักทองที่สมบูรณ์
- จอบหรือเสียม
- ดินร่วนปนทราย ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ฟางคลุมดิน
- เชือกและไม้หลัก เอาไว้ทำที่ให้เถาเลื้อย
อุปกรณ์ปลูกฟักทอง
- จอบหรือเสียม
- ดินร่วนปนทราย ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ฟางคลุมดิน
- เชือกและไม้หลัก เอาไว้ทำที่ให้เถาเลื้อย
วิธีปลูกฟักทองเอง
1. คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ให้ดี
เลือกเมล็ดที่มีรูปร่างอวบแน่น ไม่มีตำหนิ และจะต้องเป็นเมล็ดที่สมบูรณ์เท่านั้น นำเมล็ดที่ได้ไปผึ่งให้แห้งก่อนนำไปปลูก ไม่เช่นนั้นต้นกล้าจะไม่งอก
2. เตรียมพื้นที่สำหรับปลูกฟักทอง
หาไม้หลักมาปักข้าง ๆ ที่ปลูกให้แน่นหนา เมื่อต้นกล้าฟักทองเริ่มงอกขึ้นมาภายใน 7-10 วัน ใช้เชือกโยงไปผูกติดกับรั้วบ้านหรือทำเป็นซุ้มเตี้ย ๆ ก็ได้ แต่ที่สำคัญพื้นที่ที่ปลูกฟักทองจะต้องมีแสงแดดส่องถึง
3. เตรียมดินและปุ๋ยให้พร้อมปลูก
ดินที่ใช้ปลูกจะต้องเป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ดินมีความชื้นในอัตราที่พอเหมาะ และผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเติมลงไปด้วย จากนั้นขุดหลุมหย่อนเมล็ดให้ลึกประมาณ 2-4 เซนติเมตร หลุมละ 3 เมล็ด จากนั้นกลบดิน รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ และคลุมด้วยฟางเพื่อช่วยกักเก็บความชื้น
4. ถอนต้นกล้าที่อ่อนแอทิ้งไป
เมื่อต้นฟักทองเริ่มมีใบงอกขึ้นมาภายใน 7-10 วัน หรือเห็นว่าเริ่มมีใบประมาณ 3 ใบ ให้จัดการถอนต้นที่อ่อนแอทิ้งไป เหลือไว้แต่ต้นแข็งแรงเพียงต้นเดียวเท่านั้น
5. รอเวลาเก็บเกี่ยว
ต้นฟักทองจะออกดอกช่วง 1-2 เดือน หลังปลูก โดยจะมีทั้งดอกตัวเมีย (ลักษณะดอกบานกว้าง) และดอกตัวผู้ (ลักษณะยาวตรง) ภายในต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้จะล่อให้แมลงมาผสมเกสรระหว่างดอก หลังจากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ฟักทองก็จะค่อย ๆ ออกเป็นผลเล็ก ๆ ใต้ดอกตัวเมียให้เราได้เห็น
ข้อควรระวังในการปลูกฟักทองเอง
ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าในช่วงที่ต้นกำลังออกดอกและมียอดใบอ่อนนั้น ไม่ควรเด็ดยอดอ่อนมากินเพราะจะทำให้ต้นฟักทองไม่ออกผล และอีกเรื่องที่สำคัญนั่นก็คือ โรคราแป้ง ซึ่งเกิดจากการที่ใบและต้นฟักทองได้รับความชื้นมากเกินไป ไม่ค่อยโดนแดด ดังนั้น ควรรดน้ำให้ชุ่มแต่พอดีในตอนเช้าและรดที่โคนต้นเท่านั้น นอกจากนี้ควรจัดการพื้นที่ให้มีแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน หากมีศัตรูพืชรบกวนไม่ว่าจะเป็นเพลี้ย แมลงหวี่ ด้วงเต่าแตง หรือแมลงวัน สามารถกำจัดออกได้โดยการใช้น้ำผสมสบู่อ่อน ๆ กาแฟ หรือแอมโมเนีย ฉีดพ่นลงไปที่ตัวแมลงโดยตรง
วิธีการดูแลฟักทอง
การดูแลต้นฟักทองนั้นก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะในตอนเช้า รดที่โคนต้นเท่านั้นอย่าให้โดนเถาและใบ ตรวจสอบการระบายน้ำให้ดีอย่าให้มีน้ำขัง หมั่นใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอยู่สม่ำเสมอ และพรวนดินอย่างระมัดระวังในช่วงระยะแรกที่ต้นเริ่มออกใบ เพื่อเป็นการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชไปในตัว
หลังจากวันที่ลงมือปลูกและนับไปอีกประมาณ 180 วัน เราก็จะได้ผลฟักทองเปลือกแข็งและเนื้อแก่เหนียวพร้อมปรุงอาหาร วิธีเก็บผลฟักทองที่ถูกนั้นเราจะต้องตัดเอาส่วนเถาติดมาด้วยประมาณ 7 เซนติเมตร แล้วฟักทองก็จะเก็บได้นานขึ้นค่ะ
เห็นแล้วใช่ไหมว่าการปลูกฟักทองนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดกันเลย แค่ดูแลและใส่ใจแต่ละขั้นตอนให้ดี เพียงเท่านี้เราก็จะได้ฟักทองเนื้อเหลือง ๆ เหนียว ๆ มาไว้รังสรรค์เมนูเด็ดกันแล้ว แถมยังปลอดภัยมั่นใจเรื่องสารเคมีอีกต่างหาก แล้วจะรออะไร ไปปลูกฟักทองกันเลยดีกว่า !
ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว
หลังจากวันที่ลงมือปลูกและนับไปอีกประมาณ 180 วัน เราก็จะได้ผลฟักทองเปลือกแข็งและเนื้อแก่เหนียวพร้อมปรุงอาหาร วิธีเก็บผลฟักทองที่ถูกนั้นเราจะต้องตัดเอาส่วนเถาติดมาด้วยประมาณ 7 เซนติเมตร แล้วฟักทองก็จะเก็บได้นานขึ้นค่ะ
เห็นแล้วใช่ไหมว่าการปลูกฟักทองนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดกันเลย แค่ดูแลและใส่ใจแต่ละขั้นตอนให้ดี เพียงเท่านี้เราก็จะได้ฟักทองเนื้อเหลือง ๆ เหนียว ๆ มาไว้รังสรรค์เมนูเด็ดกันแล้ว แถมยังปลอดภัยมั่นใจเรื่องสารเคมีอีกต่างหาก แล้วจะรออะไร ไปปลูกฟักทองกันเลยดีกว่า !
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีปลูกฟักทอง :
ขอบคุณข้อมูลจาก allaboutpumpkins, plookphak และ rakbankerd