ฟักทอง เทคนิคปลูกฟักทองง่าย ๆ ได้ผลผลิตดีงาม

ใครอยากปลูกฟักทองมาทางนี้ ! แนะนำวิธีเลือกพันธุ์ฟักทอง พืชผักสวนครัวของไทยที่หลายคนอยากลองปลูกเอง มีพันธุ์อะไร ต้องเตรียมตัวอย่างไร มาดูกัน

ปลูกฟักทอง

ฟักทอง ผักสวนครัวพื้นบ้านที่เราทุกคนต่างรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีการใช้ฟักทองในการทำอาหารมากมาย ทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม หรือจะต้มกินเล่น ๆ เป็นอาหารว่าง อาหารลดน้ำหนักก็เยี่ยมไปเลย ปัจจุบันนี้เริ่มมีคนนิยมหันมาปลูกฟักทองไว้กินเองที่บ้าน วันนี้เราเลยจะพามือใหม่หัดปลูกฟักทองมาเตรียมตัวกัน เริ่มตั้งแต่พันธุ์ฟักทองมีอะไรบ้าง การเตรียมตัวก่อนปลูก ขั้นตอนการปลูก ไปจนถึงวิธีการดูแลรักษาต้องทำอย่างไรบ้าง กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาไว้ให้คุณแล้ว ตามไปดูพร้อมกันค่ะ

ถิ่นกำเนิดของฟักทอง

ฟักทองมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาเหนือ ถูกนำมาใช้ปรุงอาหารตั้งแต่ 7,500-5,000 ปี ก่อนคริสตกาลแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกมีการปลูกฟักทองกันอย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์ ใช้เป็นอาหาร เพื่อความสวยงาม และปลูกเพื่อเป็นงานอดิเรก ได้รับความนิยมต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ และเป็นตัวแทนในวันสำคัญต่าง ๆ มากมาย เช่น 

  • ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา นิยมเอาฟักทองมาทำเป็นพายฟักทองในวันขอบคุณพระเจ้า 
  • ช่วงฮาโลวีน จะถูกนำมาแกะสลักเป็นโคมไฟสำหรับประดับตกแต่งบ้าน
  • ชาวจีนมีความเชื่อว่าฟักทองเป็นตัวแทนแห่งความเจริญรุ่งเรือง เหลือกินเหลือใช้ นิยมประดับตกแต่งฟักทองทั้งแบบสดและแบบโมเดลตามโต๊ะหรือหิ้งต่าง ๆ 
  • ประเทศไทย เกษตรกรชาวไทยแทบทุกภาคทั่วประเทศปลูกฟักทองเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้

ลักษณะของฟักทอง

ดอกฟักทอง

 ฟักทอง จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) เช่นเดียวกับแตงกวา ฟักแฟง มะระ บวบ และแตงโม เป็นต้น เป็นพืชล้มลุกปีเดียว (มีอายุไม่เกิน 1 ปี) ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ยาวตั้งแต่ 3-6 เมตร ลำต้นอ่อนเป็นห้าเหลี่ยมหรือกลม ข้อปลายมีหนวดแยก 3-4 แฉก ใบนิ่ม รูปร่างห้าถึงเจ็ดเหลี่ยมหรือเกือบกลม กว้าง 10-20 เซนติเมตร ยาว 15-30 เซนติเมตร มีขนสาก ๆ ระคายมือ ริมใบมีรอยหยักเว้าลึก 5-7 หยัก ดอกมีเพศผู้และเพศเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ผลในแต่ละสายพันธุ์จะมีรูปร่าง ขนาด และรอยหยักของผิวที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบกลม แบบแป้น เนื้อในส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง เหลืองอมส้ม สีเหลืองอมเขียว และสีส้ม เป็นต้น มีเมล็ดรูปร่างคล้ายไข่แบนอยู่ด้านในสุดจำนวนมาก

สายพันธุ์ของฟักทองยอดนิยม

           พันธุ์ฟักทองที่นิยมปลูกจะแบ่งตามขนาดและน้ำหนัก ได้แก่

1. ฟักทองพันธุ์หนัก

ผลฟักทอง

มีขนาดใหญ่ที่สุด ลักษณะผิวด้านนอกขรุขระตะปุ่มตะป่ำ สีเขียวเข้มจนเกือบดำ บางพันธุ์อาจจะมีลวดลายสีเหลือง สีเขียวอ่อน หรือสีขาว แซมอยู่บ้าง ผลใหญ่ น้ำหนักประมาณ 5-8 กิโลกรัม ผลแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลืองและสีเหลืองอมเขียว รสชาติหวาน มัน และเหนียว ได้แก่ 

  1. ฟักทองทองอำไพ 342 (เจียไต๋) และฟักทองทองอำไพ 426 (เจียไต๋)
  2. ฟักทองทองอำพัน 346 (เจียไต๋)
  3. ฟักทองประกายเพชร (ศรแดง)
  4. ฟักทองลายข้าวตอกลูกใหญ่ ได้แก่ ฟักทองประกายเงิน (ศรแดง) 
  5. ฟักทองคางคก ได้แก่ ฟักทองทองเนื้อ 4 (เสือดาว) ฟักทองทองเนื้อ 9 (เสือดาว)

2. ฟักทองพันธุ์เบา

ปลูกฟักทอง

ผลขนาดกลาง น้ำหนักต่อผลประมาณ 2-3 กิโลกรัม รูปทรงของผลมีลักษณะแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลืองและสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวาน มัน และเหนียว ได้แก่

  1. ฟักทองอัสนี (ศรแดง)
  2. ฟักทองศรีเมือง 016 (เจียไต๋)
  3. ฟักทองลายข้าวตอกลูกกลาง ได้แก่ ฟักทองทองคำ 443 (เจียไต๋) ฟักทองข้าวตอก 573 (ศรแดง) และฟักทองบัตเตอร์นัท

3. ฟักทองพันธุ์เล็ก

ขนาดจะเล็กกะทัดรัด น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 0.8-1.5 กิโลกรัม รูปทรงของผลมีลักษณะแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลือง

  1. ฟักทองบึงกาฬ 021 (เจียไต๋)
  2. ฟักทองญี่ปุ่น

ปลูกฟักทอง เตรียมอะไรบ้าง

เอาล่ะ เมื่อได้รู้จักสายพันธุ์ต่าง ๆ ของฟักทองและเลือกได้แล้วว่าต้องการจะปลูกพันธุ์ไหน ก็มาเตรียมความพร้อมก่อนปลูกฟักทองได้เลย

1. การเตรียมพื้นที่และแปลงปลูกฟักทอง

ฟักทองมีลำต้นเลื้อยไปตามพื้น มีหนวดเกี่ยวพันไปตามพื้นดิน จึงต้องการพื้นที่ในการปลูกเยอะ โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 0.75-1.5 เมตร โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกเป็นสำคัญ เช่น

  • พื้นที่ขนาดเล็ก สามารถปลูกระยะ 1.5x1.5 เมตร ข้อดีคือ ได้ผลผลิตต่อพื้นที่เยอะกว่าแบบอื่น แต่อาจจะลำบากต่อการจัดการ เพราะเถาของฟักทองจะกระจายเต็มพื้นที่ 
  • การปลูกแถวเดี่ยว ทำแปลงเดี่ยว ความกว้างของแปลงประมาณ 1.8-2 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร จะสามารถจัดการเถาฟักทองให้เลื้อยไปตามแนวแปลงได้ง่าย
  • การปลูกแถวคู่ ยกร่องแปลงเป็น 2 ด้าน ความกว้างของแปลงประมาณ 3.5-5 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร จะสามารถจัดการเถาฟักทองให้เลื้อยจรดกันสองด้านพอดี มีร่องทางเดิน ทำให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

2. การเตรียมดินปลูกฟักทอง

ฟักทองเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นในดินที่พอเหมาะ จึงควรใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วในการย่อยดิน เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย สามารถระบายน้ำได้ดี หากที่ดินนั้นเคยใช้เพาะปลูกมานาน ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดด้วย และควรไถดินให้ลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีระบบรากแบบฝังลึก

3. เลือกช่วงเวลาในการปลูกฟักทอง

ฟักทองชอบอากาศร้อนและแห้ง ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน แต่ต้องมีความชื้นในดินที่เพียงพอด้วย อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ในประเทศไทยสามารถปลูกฟักทองได้ดีที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

วิธีเลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทอง

โดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบที่นิยมใช้ปลูก คือ “เมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิด” สามารถเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อได้เอง แต่ในปัจจุบันหาได้ยาก เนื่องจากบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์จะเลือกผลิต “เมล็ดพันธุ์แบบลูกผสม” แทน เพราะให้ผลผลิตสูง ขนาดของต้น ผล และการเจริญเติบโตดี แต่ไม่สามารถนำเมล็ดไปปลูกต่อได้ เกษตรกรจึงต้องมีค่าใช้จ่ายกับเมล็ดพันธุ์ฟักทองในราคาที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงควรพิจารณาวิธีการปลูกแทนเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้ลง

วิธีการปลูกฟักทอง

แปลงปลูกฟักทอง

          วิธีการปลูกที่นิยมมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่

1. การปลูกฟักทองแบบหยอดเมล็ด

  • ขุดหลุมเล็ก ๆ ลงไปในดินประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว
  • หยอดเมล็ดฟักทองลงไปหลุมละ 3-5 เมล็ด
  • กลบด้วยดินผสมละเอียดหรือขี้เถ้าแกลบดำ
  • รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าดิน
  • ภายใน 3-4 วัน ต้นกล้าจะงอกพ้นพื้นดิน มีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนต้นกล้าที่อ่อนแอทิ้งไป เหลือไว้หลุมละ 1 ต้นเท่านั้น

2. การปลูกฟักทองแบบเพาะกล้า

  • นำเมล็ดฟักทองล้างน้ำ 1-2 รอบ แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที และห่อด้วยผ้าขาวบาง
  • นำเมล็ดไปบ่มไว้ในกล่องพลาสติกใส 3-5 วัน
  • เมื่อเมล็ดแตกรากออกมาจึงค่อยย้ายไปเพาะในถาดเพาะกล้า
  • รดน้ำเป็นประจำ จนต้นกล้ามีใบจริง 1-2 ใบ จึงย้ายไปปลูกในแปลง

การดูแลรักษาฟักทอง

เมื่อต้นฟักทองเริ่มเจริญเติบโต ควรมีการดูแลรักษา ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน และกำจัดโรคหรือแมลงศัตรูพืชที่อาจจะสร้างความเสียหาย ดังนี้

1. การให้ปุ๋ย

ในระยะแรกของการปลูกฟักทอง เมื่อมีอายุได้ 10-14 วัน ควรให้ปุ๋ยไนโตรเจน เช่น ปุ๋ยยูเรีย ในอัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ จากนั้นให้ใส่ปุ๋ยสูตร 14-14-21 ตอนต้นฟักทองมีอายุได้ 21-25 วัน โดยให้โรยข้างแถวแล้วพรวนดินกลบ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม

2. การให้น้ำ

ฟักทองเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขังแฉะ ควรให้น้ำในปริมาณที่พอเหมาะ ในช่วงที่ต้นฟักทองกำลังออกดอกและติดผล ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยให้ขาดน้ำ ระบบการให้น้ำที่ดีคือ ให้น้ำเข้าร่อง เพื่อให้น้ำซึมเข้าสู่ดินโดยตรง ไม่ควรพ่นน้ำผ่านใบของฟักทอง เพราะอาจจะทำให้ใบเปียกน้ำจนเป็นโรคเน่าได้

3. การพรวนดินและการกำจัดวัชพืช

ควรทำอย่างสม่ำเสมอตอนที่ต้นฟักทองยังเล็ก และเมื่อต้นฟักทองเริ่มโต ตอนเลื้อยคลุมดินแล้วก็จะไม่มีวัชพืชขึ้นอีก ซึ่งก็ไม่ต้องพรวนดินอีกเช่นกัน

4. การกำจัดโรคหรือแมลงศัตรูพืชที่อาจจะสร้างความเสียหาย

โรคที่มักเกิดกับฟักทองคือ โรคราน้ำค้าง เป็นโรคที่เกิดทางใบ มักระบาดในช่วงฤดูฝน หรือการให้น้ำแบบพ่นฝอย สามารถป้องกันได้ด้วยการไม่ให้น้ำแบบพ่นฝอย นอกจากนี้ปัญหาแมลงศัตรูฟักทองนั้นมีไม่มากนัก เพราะใบและก้านที่มีขนช่วยในการป้องกันภัยจากแมลงได้ดี

การเก็บเกี่ยวฟักทอง

สำหรับฟักทองพันธุ์เล็ก สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุ 45-60 วัน ส่วนฟักทองพันธุ์กลางจนถึงพันธุ์ใหญ่ 120-180 วัน หากต้องการเก็บผลอ่อนให้สังเกตที่เปลือก ถ้าฟักทองยังอ่อนผิวจะนิ่ม สีเขียว และเนื้อข้างในจะนุ่ม ส่วนผลที่แก่จัดเต็มที่ ผิวเปลือกจะแข็ง และควรเก็บให้เหลือเถาประมาณ 7-10 ซม. ติดมาด้วย เพื่อยืดอายุและรักษาผลของฟักทองที่เก็บเกี่ยวมาให้อยู่ได้นานที่สุดนั่นเอง

มาถึงตอนนี้หลายคนคงได้คำตอบแล้วว่า หากต้องการปลูกฟักทองควรเลือกสายพันธุ์ไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนปลูกบ้าง การปลูกฟักทองไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพราะแค่อาศัยความตั้งใจและความใส่ใจในการดูแล เพียงเท่านี้คุณก็สามารถปลูกฟักทองได้แล้ว

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีปลูกฟักทอง :

ขอบคุณข้อมูลจาก : kasetsomboon.com, sentangsedtee.com และ plookphak.com
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฟักทอง เทคนิคปลูกฟักทองง่าย ๆ ได้ผลผลิตดีงาม อัปเดตล่าสุด 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 14:39:02 220,515 อ่าน
TOP
x close