
อยากจะมีโฮสเทลสักแห่งแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มาดูรีวิวบอกเล่าเรื่องราวการสร้างโฮสเทล ผ่านประสบการณ์ที่เขาคนนี้เจอมาตลอด 90 วัน แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ก็ไม่ยากเกินหากลงมือทำ
ตอนนี้เหล่านักเดินทางโฟกัสไปที่ที่พักแบบโฮสเทลมากขึ้น เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าที่พักประเภทโรงแรมหรือรีสอร์ทค่อนข้างมาก ฉะนั้นหากสนใจที่จะเปิดโฮสเทลเจ๋ง ๆ ไว้ให้เหล่านักเดินทางมาพัก แต่ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลยในตอนนี้ มาดูรีวิวของ คุณ บุญชัย เทียนวัง ผ่านเรื่องเล่าประสบการณ์การสร้างโฮสเทลใน 90 วันด้วยการนำเศษวัสดุมาดัดแปลงเป็นโฮสเทล ที่นอกจากจะเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดงบได้ทางหนึ่งแล้ว ยังทำให้โฮสเทลของเขามีความเป็นเอกลักษณ์และน่าพักอีกต่างหาก
:::จากเศษวัสดุมา upcycle เป็น adventure hostel bangkok::: เรื่องราว 90 วันสุดโหดในการดัดแปลงเศษวัสดุมาเป็นโฮสเทล โดย คุณ บุญชัย เทียนวัง

"ขอให้จิตวิญญาณแห่งการผจญภัยสถิตอยู่กับนักเดินทางทุกคน"
(1) :::ปฐมบทแห่งแรงบันดาลใจ:::
ผมยืนอ่านข้อความเล็ก ๆ บนโปสการ์ดใบหนึ่งที่แปะอยู่บนกำแพงของโฮสเทลชื่อดังในเมืองบาร์เซโลน่าอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ในช่วงเวลาเดินทางท่องเที่ยวระหว่างวันหยุดภาคเรียนในเยอรมนี
โฮสเทลในยุโรปมักมีพื้นที่ส่วนกลางไว้ใช้สร้างกิจกรรมอันหลากหลายให้กับผู้มาเยือน อย่างโรงแรมคาบูล (Kabul) ในบาร์เซโลน่า (Barcelona) จะมีโต๊ะพูลให้เล่น โดยมีกติกาง่าย ๆ ว่าคนที่เล่นชนะจะได้เล่นต่อไปเรื่อย ๆ โดยผู้เข้ามาท้าชิงจะต้องเป็นคนหยอดเหรียญจ่ายเงิน เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นผมได้ใช้เวลาในสถานบันเทิงโต๊ะพูลกรุงเทพฯ มามากมายอย่างน่าสลดใจ พอมาเล่นพูลซึ่งขนาดโต๊ะเล็กกว่ากันเกือบครึ่ง เลยเหมือนนักฟุตบอลสนามใหญ่มาเล่นบอลโกลหนู เล่นไปดื่มเบียร์ไปด้วยแบบสบาย ๆ
คืนนั้นผมเล่นฟรีติดต่อกันอยู่หลายชั่วโมง มีฝรั่งมาลงชื่อขอเล่นด้วยเป็นสิบคน พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้ต้องการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิตเหมือนกัน เลยเปิดใจรับเพื่อนใหม่อย่างเป็นกันเองสนุกสนานเฮฮา
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ผมก็ยังเล่นได้ต่อไปเรื่อย ๆ สุดท้ายผู้จัดการโรงแรมขอลงมาแจม ลงชื่อไว้บนบอร์ด พี่แกเดินมามาดนิ่ง ๆ ถือกุญแจมาไข ขนลูกพูลขึ้นมาตั้งโดยไม่ต้องหยอดเหรียญ แกเดินมาขอผมเปิดเกมก่อน ผมพยักหน้า ก่อนที่พี่ผู้จัดการจะก้มลงจรดคิวแทง ตูมแรกลูกก็วิ่งกระจายไปลงหลุมหลายลูกแล้ว จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินสืบเท้าก้ม ๆ เงย ๆ ด้วยท่าทางอย่างกับรอนนี่ โอซุลลิแวน เผลอแป๊บเดียวลูกฝั่งเขาหมดโต๊ะแล้ว โดยผมไม่ได้แทงเลยแม้แต่ไม้เดียว พี่เขาเดินมาบอกผมให้เลิกเล่น แล้วไปซื้อเบียร์เพิ่มได้แล้ว !!!
นี่เป็นหนึ่งในประสบการณ์อันน่าประทับใจ ในช่วง 5 ปีแห่งการใช้ชีวิตเดินทางท่องเที่ยวระหว่างทำงานและเรียนต่อในต่างแดนของผมทั้งในยุโรปและเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการไปพักตามโฮสเทลต่าง ๆ หลายสิบเมือง ตามประสาคนที่อยากเปิดโลกตัวเองให้ได้มากที่สุด ในงบประมาณจำกัดผมยังคงจำได้ดีถึงมิตรภาพต่าง ๆ ที่งอกงามอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยพลังงานของวัยรุ่นหลายเชื้อชาติ ได้มีโอกาสเมาปลิ้นเพราะทัวร์ PUB CRAWL ในเบอร์ลิน, ได้เล่นพูลแบบชิงไหวชิงพริบหลายชั่วโมงในบาร์เซโลน่า, ตีปิงปองกับนักศึกษาจีนในปักกิ่ง, นอนเล่นบนสนามหญ้าในพาร์คที่ฮัมบูร์กกับเพื่อนชิลี, เสียพนันกับการเล่นกลข้างถนนที่โรม, ได้ดูการร้องโอเปร่าริมถนนด้านหน้าโรงแรมที่ปารีส, ไปตัดผมตอนตีสามที่เซี่ยงไฮ้กับเพื่อนจีน ฯลฯ ความมันส์ในบรรยากาศของโฮสเทลนั้น ทำให้ผมแอบมีความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ในการเป็นเจ้าของโฮสเทลขึ้นมาบ้าง
แต่หลังจากกลับมาทำงานเป็นสถาปนิกในกรุงเทพฯ ผมก็ได้แต่เวียนว่ายอยู่ในวงการออกแบบอย่างคร่ำเคร่ง ความฝันการมีโฮสเทลเป็นของตัวเอง จึงเหมือนของเก่าที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในห้องใต้บันได

ช่วงเดือนเมษายน ปี 2558 ผมได้ไปเจอน้องชายคนหนึ่งในงานพบปะญาติพี่น้อง เราเคยมีความทรงจำดี ๆ ด้วยกันมาในวัยเด็ก (ชวนน้องโดดเรียนไปดูหนังตั้งแต่วัยประถม 555) น้องผมได้เข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ตามประสาคนที่เคยสนิทกัน ตอนนี้เขาเป็นถึงผู้บริหารในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง แถมมีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์มาโชกโชนเอาเรื่อง เราแลกเปลี่ยนความคิดถึงกันพักหนึ่ง ก่อนที่น้องผมจะเอ่ยถึงความฝันของเขาในการทำธุรกิจโฮสเทลขึ้นมา
ผมรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างฉับพลัน เหมือนได้เปิดอ่านไดอารี่เล่มเก่าในวัยเด็ก ผมรีบรื้อความฝันเขรอะขุ่นฝุ่นจับของผมออกมาจากความทรงจำ เราแลกเปลี่ยนเพสชั่น (Passion) อย่างคึกคักลั่นงาน รู้สึกตัวอีกทีแขกกลับบ้านกันหมดแล้ว คืนนั้นผมขับรถกลับบ้าน เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาด ๆ ให้หญิงสาวที่นอนข้าง ๆ ฟัง เธอผู้ไม่เคยปฏิเสธอะไรผมเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต ตามคาด...เธอดูจะตื่นเต้นกับโปรเจคท์นี้ไม่น้อยไปกว่าผม ถึงกับปิดช่องละครโปรดมานั่งง่วนอยู่กับการหาข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตพลางหัวเราะคิกคักไปด้วย คืนนั้นผมล้มตัวลงนอนก่อนจะหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังยิ้มอยู่

หลังจากที่ได้ตกลงใจกับหญิงสาวข้างกายและน้องชายว่างานนี้ลุยแน่แล้ว เรา 3 คนก็แยกย้ายกันเหมือนกองโจรย่อย ๆ แต่ละคนก็รับผิดชอบตามล่าหาสถานที่ในแต่ละพื้นที่ที่มีศักยภาพในกรุงเทพฯ โดยทีมผมขอรับภารกิจ หาสถานที่แถว ๆ เมืองหลวงของเหล่าแบ็คแพ็กเกอร์ (Backpacker) คือย่านตรอกข้าวสารและรัศมีโดยรอบ วิธีการของเรา นอกจากจะหากันตามเว็บไซต์ต่าง ๆ แล้ว อีกวิธีหนึ่งก็ช่างสุดแสนจะคลาสสิกคือ ขับรถไปตามย่านต่าง ๆ และเดินหากันดุ่ย ๆ ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ เดินเคาะประตูบ้านชาวบ้านชาวช่องกันนี่แหละครับ
หลังจากควานหาอยู่ไม่กี่วัน ผมก็ได้เจอตึกที่คิดว่าน่าจะมีศักยภาพจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ภาพถ่ายอาคารไม้ภายนอกสุดแสนคลาสสิกริมคลองทำให้ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เข้าไปเช็กอีกทีในกูเกิลแม็ป (Google Map) แหม...ห่างจากวัดบวรนิเวศเพียงแค่ขว้างหินถึง เดินไปถนนข้าวสารได้สะดวกมาก ประกาศให้เช่าในสนนราคาพอจับต้องได้+ สัญญาเช่าระยะยาว ผมโทรไปคุยกับเจ้าของที่พูดคุยเข้าท่า เล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนตึกนี้ก็เคยทำเกสต์เฮ้าส์ (Guest House) ฝรั่งชอบกันมาก แต่เดี๋ยวนี้เขาย้ายที่อยู่ออกไปไกลแล้วเลยเลิกทำ ฟังแล้วก็ให้รู้สึกคึกคักทำไมโชคดีอย่างนี้ หนทางการเป็นเจ้าของโฮสเทลริมคลองสุดโรแมนติกเหมือนจะอยู่แค่เอื้อม ผมนัดเจ้าของตึกเพื่อขอเข้าไปสำรวจพื้นที่ทันที !
นั่งขับรถไใจนึกไปถึงหิ่งห้อยที่ตำนานเล่าขานว่าเคยมีอยู่มากมายในคลองบางลำพู แหม...กรูจะเอาหิ่งห้อยกลับมา คอยดูสิ อุ ๆ ๆ ฝ่ารถติดมาถึงสถานที่จริง โลกแห่งความเป็นจริงเริ่มประสานงากับความฝัน กลิ่นน้ำเน่ามาจากคลองทำให้ฝูงหิ่งห้อยกระเจิดกระเจิงไปหมด ผมเดินฝ่าดงขี้หมาเข้าไปในตึกไม้คร่ำคร่า ฝูงหมาเพื่อนบ้านเห่าไล่เสียงดังน่ารำคาญ ทันทีที่เจ้าของตึกเปิดประตูหน้า กลิ่นอุจจาระปัสสาวะโชยมาแทงจมูกเป็นของสัตว์หรือคนก็หน่ายที่จะเดา "พอดีไม่มีคนอยู่มาหลายปีแล้ว" เจ้าของพูดเมื่อเห็นผมยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก
ผมเดินเขย่งเท้าเข้าไปสำรวจ เสียงพื้นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดเหมือนจะประท้วง มองไปรอบ ๆ เป็นหน้าต่างอาคารมีแค่ด้านเดียว น่าจะมีปัญหาเรื่องระบายอากาศไม่ใช่น้อย เสียงทีวีหนังสงครามจากเพื่อนบ้านดังทะลุกำแพงบาง ๆ เข้ามาเป็นซาวด์แทร็ก (Soundtrack) สร้างบรรยากาศบีบคั้นหัวใจ แค่เสริมโครงสร้างอย่างเดียวอาจจะต้องลงเป็นล้าน...ผมนึก
หลังจากอยู่ในตึกพักใหญ่ ผมเดินออกจากตึกในสภาพเหงื่อท่วมตัว ตรอกน้ำครำที่ต้องเดินฝ่าออกไปนั้นดูมืดมนเท่ากับความฝันของผม...

(4) :::การถูกปฏิเสธเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ:::
เมื่อมีตึกแรกก็มีหลังที่ 2-3-4 ตามมา น้องชายผมเล่าว่าตามทฤษฎีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ร่ำเรียนมา เราควรซื้อตึกแถวในย่านที่มีศักยภาพ แต่อาจจะซุกซ่อนตามซอกหลืบต่าง ๆ ของย่านนั้น ๆ และหากอดทนกัดฟันผ่อนซื้อ ซึ่งอาจจะราคาสูงกว่าค่าเช่าไม่มากนัก แต่ในระยะยาวจะได้ Capital Gain ที่เพิ่มขึ้นจากมูลค่าที่ดิน
ผ่านมา 3 เดือนพวกเรา 2 ทีมช่วยกันหาร่วม ๆ 50 ตึกแล้ว แต่ละแห่งก็จะพบเงื่อนไขไม่ลงตัวที่แตกต่างกันไป ทฤษฎีอสังหาริมทรัพย์ที่น้องชายนำเสนอนั้น ระเบิดยับเยินไปนานแล้ว เพราะราคาตึกแพงอย่างแรงจนเลิกคิดเรื่องผ่อน อาคาร 28 ตารางวาในเกาะรัตนโกสินทร์บางแห่ง เปิดราคาขายมาที่ 70 ล้านบาท บางแห่งใหญ่เกินไปบ้าง เล็กเกินไปบ้าง บางแห่งตึกดีทุกอย่างแต่อยู่ในย่านที่น่ากลัวจนไม่กล้าเดิน บางแห่งตึกว่างแต่เจ้าของไม่ปล่อยให้เช่า บางแห่งเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย บางแห่งโครงสร้างเน่าสนิทจนเกินจะดัดแปลง และอีกสารพัดเหตุผล ฯลฯ
เราทั้ง 3 คนทราบดีว่าเงื่อนไขในการหาอาคารที่อยู่ในทำเลที่ดึงดูด มีขนาดที่เหมาะสม ราคาไม่แพงจนเกินไปนั้น น่าจะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโปรเจคท์นี้ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายได้เลย ช่วงเวลาการตามหาสถานที่ที่ลงตัวในทุก ๆ ด้านนั้น นับเป็นเรื่องที่ชวนท้อแท้อย่างสาหัส การถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องบ่อยครั้งเป็นเวลาหลาย ๆ เดือนนั้น ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายจนแทบอยากจะล้มเลิกความตั้งใจ "ความพยายามเป็นของมนุษย์ แต่ความสำเร็จนั้นเป็นของฟ้า" ผมนึกถึงคำพูดนี้ขึ้นมาบ้างเป็นพัก ๆ
หลังจากตามหากันมาหลายเดือนช่วงสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ผมบอกกับน้องชายว่าถ้าสิ้นเดือนนี้แล้วยังไม่ได้สถานที่ ก็คงต้องล้มเลิกความคิดที่จะทำให้เสร็จในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวของการท่องเที่ยว
ในช่วงเวลาที่ความหวังริบหรี่เหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน ก่อนกำหนดเส้นตายจะมาถึง หญิงสาวข้างกายของผมเสนอว่าทำไมไม่ลองเปลี่ยนไปหาทำเลอื่นดูบ้าง เธอตัดสินใจที่จะยกเลิกนัดสำคัญในวันเสาร์เพื่อที่จะลองเดินทางหาดูด้วยตัวเอง ผมพยักหน้า แต่ในใจนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก

เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หญิงสาวของผมโทรกลับมาหาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างกับคนถูกหวย เธอเจอตึกแถวปล่อยเช่าอยู่ติดบีทีเอส เป็นอาคารพาณิชย์เก่าอยู่ใกล้ Urban Magnet อย่างตลาดนัดจตุจักร ในสนนราคาค่าเช่าที่พอจับต้องได้
ผมหยุดงานทุกอย่างที่ทำทันที รีบโทรหาน้องชาย ก่อนที่เราจะควบรถไปถึงแทบจะพร้อม ๆ กัน หลังจากได้เดินสำรวจอาคาร เราเห็นพ้องต้องกันว่า แม้อาคารจะดูเก่าอยู่บ้าง แต่โครงสร้างอาคารยังใช้งานได้ดี ผมหันไปยิ้มให้หญิงสาวข้างกายคู่ทุกข์คู่ยาก (อยู่ด้วยเมื่อไร เป็นได้ทุกข์ยากทุกทีสิน่า 555) เธอผู้นำพาเรื่องราวดี ๆ มาให้ผมได้บ่อย ๆ
สิ่งที่เป็นเงื่อนไขที่น่าสนใจสำหรับอาคารนี้คือ เจ้าของนั้นปล่อยให้เช่าเฉพาะชั้น 2-3-4 เท่านั้น ชั้นล่างถูกเช่าเป็นร้านขายหนังสือ แต่ด้วยความที่ผมเคยไปพักโฮสเทลยอดฮิตหลายแห่งในยุโรปที่ใช้พื้นที่ด้านล่างทำออฟฟิศหรือร้านค้าแล้วมีที่พักอยู่ด้านบน ผมเลยออกจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ เพราะไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าชั้นล่างซึ่งราคาแพงชวนเครียด

รูปด้านหน้าอาคาร
:::ขอแทรกคั่นกลาง ด้วยภาพถ่ายอาคารเดิมนะครับ:::
สภาพอาคารของเดิมเป็นอาคารพาณิชย์เก่า 4 ชั้น ย่านสะพานควาย ที่ก่อสร้างประมาณปี พ.ศ. 2500-2510 สภาพเดิมเป็นหอพักหญิงสำหรับแม่บ้านในโรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้าในย่านนั้นครับ
ผมรีบซื้อตลับเมตรมาวัดพื้นที่กับน้องชายคร่าว ๆ ก่อนจะมานั่งเขียนแบบเพื่อลงรายละเอียดส่วนต่าง ๆ เบื้องต้น อาทิ






หลังจากให้ข้อมูลกับน้องชายผมไป เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง น้องผมสวมวิญญาณนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ขั้นเทพ โขกตัวเลขต้นทุน+กำไร ราคาขายต่อเตียง, อัตราการเข้าพัก รายวัน/เดือน/ปี, ค่าวัสดุสิ้นเปลือง, ค่าก่อสร้างและตกแต่งภายใน ระยะเวลาการคืนทุนและลงรายละเอียดต่าง ๆ ตามหลักการลงทุนและบัญชีทุกประการ ก่อนที่จะสรุปว่าทุกอย่างดูจะพอไปได้ [อย่างน้อยก็ในเอ็กเซล (excel)] วันถัดมาพวกเราก็วางเงินมัดจำค่าเช่าล่วงหน้าทันที ทั้ง ๆ ที่ได้เห็นตึกนี้ครั้งแรกยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
พวกเรารู้ดีว่าตึกที่มีเงื่อนไขดีลงตัวอย่างนี้ ไม่นานก็คงมีคนมาเช่า ดังคาด...ผมแอบถามตอนจ่ายเงิน...เจ้าของตึกบอกว่า พี่เขาเพิ่งจะติดป้ายได้แค่วันเดียวเท่านั้นเองและมีคนโทรมาสอบถามแล้วหลายคน แต่เราเป็นเจ้าแรกที่คุยแบบคนที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและมีความพร้อมทางการเงินที่สุด
ค่ำวันอาทิตย์ หลังจบเรื่องสถานที่ไปได้อย่างลงตัว เรา 3 คนทานข้าวด้วยกัน คุยฝันเฟื่องกันอย่างสนุกสนานเฮฮา โดยที่ยังไม่มีใครรู้ตัวเลยว่านรกบนดินอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวข้างหน้า



















(6) :::ภายในเดือนเดียว ต้องเตรียมทุกอย่างให้เสร็จ:::
หลังจากวางเงินมัดจำไปแล้ว เรามีเวลาอีกแค่เดือนเดียว ในการเตรียมการทั้งหมด ทั้งเรื่องการออกแบบเขียนแบบ/จัดหาผู้รับเหมา/ระดมทุน/รื้อถอนงานภายในอาคารเดิม แล้วเริ่มก่อสร้าง ถ้าต้องการให้โครงการนี้เสร็จทันช่วงไฮซีซั่น (High Season) ต้นเดือนธันวาคม นั่นหมายความว่า เรามีเวลาก่อสร้างอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น...ผมเริ่มกังวล ด้วยรู้ดีว่างานประจำของตัวเองก็กินเวลาในชีวิตมากกว่า 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อยู่แล้ว แม้จะยังไม่รู้ว่าจะแบ่งเวลาอย่างไร แต่งานนี้ไม่เหลือทางถอยแล้ว มีแต่ต้องลุยไปข้างหน้า !!!

ผมเร่งโขกแบบออกมาสุดฝีตีน ไม่น่าเชื่อว่าโครงการเล็ก ๆ แค่นี้จะใช้เวลามากขนาดนี้ ผมเปลี่ยนแบบเป็น 10 scheme...มันช่างเต็มไปด้วยเรื่องที่เรายังไม่รู้ สุดท้ายผมและน้องชายตัดสินใจไปลองนอนโฮสเทลที่ว่าเจ๋ง ๆ ดี ๆ ทั่วฟ้าเมืองบางกอกหลายแห่ง เพื่อให้เราเห็นภาพกระจ่างมากขึ้น แม้ผมจะเคยพักโฮสเทลมาแล้วหลายสิบที่ แต่การไปพักแบบนักท่องเที่ยวกับการไปพักแบบคนที่ต้องการจะศึกษาข้อดี-ข้อเสียนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เราได้เรียนรู้ว่าโฮสเทลยอดฮิตที่มีแขกเข้าพักอย่างคับคั่งหลายแห่งนั้น การใช้งานบางเรื่องกลับทำได้ไม่สู้ดีนัก เราจึงได้นำข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นมาพัฒนาในงานออกแบบโฮสเทลของเรา
สุดท้ายผมทำแบบแล้วเสร็จ แบบพอตีราคาได้เบื้องต้น เสียงเจ้าน้องชายตัวดีของผมกำชับว่างบก่อสร้างทั้งหมด (ยังไม่รวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง) "ห้ามเกิน 2 ล้านเด็ดขาดนะพี่" ผมรีบส่งแบบให้ผู้ร้บเหมา 2-3 เจ้าที่พอรู้ฝีมือกันอยู่บ้าง อีก 1 สัปดาห์จะได้ราคา ลุ้น ๆ ๆ
ระหว่างที่รอผู้รับเหมาเสนอราคา เจ้าของตึกผู้ใจดีก็โทรมาบอกผมว่า เธอกำลังจะขนย้ายข้าวของในอาคารเสร็จแล้ว หน้างานจะพร้อมสำหรับงานก่อสร้างในอีก 3 วันข้างหน้าหรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มิเตอร์ค่าเช่าเริ่มเดินหน้าแล้ว
เพราะไม่ต้องการให้เสียเวลาแม้แต่วันเดียว เจ้าน้องชายจึงรีบติดต่อให้คนงานอีกชุดเข้ารื้อถอนหน้างานพร้อมกำชับผมให้รีบสรุปราคาค่าก่อสร้าง แล้วให้ผู้รับเหมามาเริ่มงานให้ได้ทันทีหลังรื้อถอนเสร็จ
สุดท้ายผู้รับเหมาทั้งหมด ส่งราคามาแล้วเจ้าที่เสนอราคามาถูกที่สุดคือ "3.5 ล้านบาท" เกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้เกือบ 2 เท่า

(7) :::อยากประหยัดค่าก่อสร้าง จงเป็นผู้รับเหมาเสียเอง:::
"เจ๊งดิวะพี่" ปฏิกิริยาแรกของน้องชายผม ที่ได้รู้เรื่องราคาค่าก่อสร้าง ไม่เกินที่คาดเดาไว้
"มันเหมือนฟุตบอลนะพี่ เขาวัดกันที่ใครยิงประตูได้มากกว่าใน 90 นาที คนนั้นชนะ ไม่ใช่ใครเลี้ยงบอลสวยกว่ากัน กติกามันกำหนดอย่างนั้น" น้องผมค่อย ๆ ร่างอุปมาให้ผมเข้าใจกฎ กติกา และมารยาทในการลงทุน
"ส่วนกติกาเกมนี้...ตอนนี้เรากำลังเล่นเกมลดต้นทุนอยู่ ใครลดได้มากที่สุด คนนั้นกำไร" น้องผมสรุปปิดท้าย คงกลัวผมจะลืมว่ากำลังทำอะไรอยู่
"งั้นเราต้องเป็นผู้รับเหมาเสียเองว่ะ" ผมเสนอทางเลือก วิธีนี้จะทำให้ประหยัดค่าก่อสร้างได้มากที่สุด เพราะเราจะให้ช่างคิดเฉพาะค่าแรงงานก่อสร้าง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่เหนื่อยที่สุด เพราะเราต้องวิ่งหาวัสดุแทบทั้งหมดด้วยตัวเอง
สุดท้ายผมกับน้องชายตัดสินใจที่จะเดินหน้าด้วยการตัดวงจรผู้รับเหมาออกไป โดยผมรับหน้าที่ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างทั้งหมด ส่วนน้องชายเป็นฝ่ายจัดซื้อและควบคุมบัญชี หลังจากนั้นไม่กี่วัน...หญิงสาวของผมก็หาช่างก่อสร้างมาให้ทีมหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเรียกมาชี้แจงแบบและต่อรองราคาค่าก่อสร้างแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าพอตัดงานของผู้รับเหมาออกไป เราสามารถรีดงบก่อสร้างลงมาจนเหลือใกล้เคียงกับที่เราได้ตั้งไว้ในตอนแรก
พอแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณและจัดหาทีมก่อสร้างได้แล้ว คราวนี้ผมต้องกลับมาแก้ปัญหาเรื่องแบบ ตอนนี้ผมมีแค่ "แบบแปลน" กั้นห้องเท่านั้น ยังไม่มีดีไซน์ธีม (Design Them) ใด ๆ แต่เวลาก็เหลือไม่มากแล้ว ผมตัดสินใจเอาแบบคร่าว ๆ แค่ 3-4 แผ่นไปให้ช่างก่ออิฐแบ่งห้องกันไปเป็นสัดส่วนก่อน แล้วใช้การคุยงานกันให้บ่อยขึ้น และมาดูงานก่อสร้างหลังเลิกงานประจำแทบทุกวัน
การที่ต้องก่อสร้างโดยที่แบบยังไม่เสร็จ ในระยะเวลาอันจำกัดนั้น นับเป็นเรื่องที่กดดันสาหัส เพราะช่างก่อสร้างเหล่านี้แม้จะมีฝีมืออยู่พอสมควร แต่ก็เป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำ การเหมาจ่ายค่าก่อสร้างเขาเป็นส่วน ๆ หมายความว่า ช่างก่อสร้างร่วม 20 ชีวิต ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้ได้กำไรที่มากขึ้น ทั้งช่างไม้/ช่างปูน/ช่างเหล็ก/ช่างประปา/ช่างไฟฟ้า บ่อยครั้งที่ช่างเหล่านั้นก่อสร้างได้เร็วกว่าผมเขียนแบบเสียอีก และเขาจะโทรมาหาพร้อมกับคำพูดชวนหลอกหลอน "พี่ครับพี่...วันนี้จะให้ผมทำอะไรบ้างครับพี่"
นี่เป็นนรกบนดินสำหรับผู้ออกแบบอย่างแท้จริง เพราะสถานการณ์บังคับให้งานก่อสร้างต้องมีความคืบหน้าทุกวัน ในขณะที่ยังออกแบบไม่เสร็จ ผมต้องทยอยป้อนเนื้องานไปวันละนิด วันละหน่อย ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามคลำหาดีไซน์ธีมหลักในการออกแบบตกแต่งภายในไปเรื่อย ๆ เหมือนคนตาบอดเดินคลำหาทางออกอยู่ในป่าทึบ
(8) “ประหยัดที่สุด คือ ใช้ของที่มีอยู่แล้วให้ได้มากที่สุด”
ย้อนกลับไปตอนที่ช่างชุดแรก ได้ทำการรื้อถอนงานผนังทั้งหมดแล้ว ผมพบว่ามีเศษไม้หน้าสาม, โครงหลังคา, หน้าต่างและบานประตูจำนวนมากเหลืออยู่ ด้วยประสบการณ์ในงานออกแบบก่อสร้าง ผมรู้ดีว่ามันสามารถทำอะไรบางอย่างได้ จึงขอให้ช่างเก็บวัสดุเหลือทิ้งเหล่านั้นไว้ทั้งหมด แล้วค่อย ๆ คิดหาวิธีชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่
นี่เป็นภาพบางส่วนของเศษวัสดุไม้และหน้าต่างที่เหลือจากการรื้อถอนงานของเดิม






หลังจากนั่งคิด ๆ ๆ อยู่หลายวัน ผมได้กำหนดบทบาทใหม่ให้เศษวัสดุทั้งหมด 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ไม้หน้าสามโครงเคร่าผนังเดิมนั้น ให้ถอนตะปูออกทั้งหมด ไสแต่งขอบให้เรียบ ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้ แล้วนำมาดัดแปลงเป็นระเบียงไม้และเฟอร์นิเจอร์

:::เริ่มทำการคัดแยกวัสดุ:::

:::ถอนตะปูออกจากไม้หน้าสามเดิมให้หมด:::

:::แล้วมาประกอบเป็นระเบียงไม้บนชั้นดาดฟ้า:::

กลุ่มที่ 2 หน้าต่างและประตูที่ทรุดโทรมทั้งหมด 41 บาน ดัดแปลงเป็นหน้ากากอาคาร เพื่อกันแสงและสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับแขกภายในห้องพักฝั่งถนน ในขณะเดียวกันก็เป็นการกำหนดคาแรคเตอร์ใหม่ให้กับตัวตึก



กลุ่มที่ 3 หน้าต่างเก่าสภาพดี 33 บาน นำมาทำความสะอาด แล้วประกอบเป็นโต๊ะรีเซฟชั่น (Reception) และบริเวณทางเข้าหลัก

:::เสร็จแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท:::
หลังจากที่เริ่มตั้งต้นธีมงานออกแบบหลักของอาคารได้ ว่าจะใช้วัสดุเดิมของอาคาร มาตกแต่งอาคารให้ได้มากที่สุด ผมได้สำรวจสภาพและวัดขนาดหน้าต่างและประตูทุกบาน บานที่สภาพดี ๆ จะถูกทำความสะอาด แล้วคัดแยกไปใช้ในบริเวณที่สำคัญ โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น ทางเข้าหลักและส่วนโถงต้อนรับ ส่วนบานที่สภาพทรุดโทรม จะถูกนำมาซ่อมแซมแล้วทาสีใหม่ ก่อนจะนำไปติดตั้งในส่วนอื่น ๆ ตามที่กำหนด ด้วยวิธีนี้นั้นทำให้เราประหยัดเงินค่าวัสดุไปได้เยอะมาก เสียเพียงแค่ค่าแรงช่างในการติดตั้งและประกอบหน้าต่างเข้ากับโครงเหล็กที่ด้านหน้าตึกเท่านั้นเอง ในขณะเดียวกันก็ได้หน้าตาของตึกที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ
(8 ต่อ) :::เมื่อต้องการเน้นงานออกแบบ คุณต้องเป็นคนแรกที่มาไซต์งานและเป็นคนสุดท้ายที่กลับ:::
ช่วงที่ติดตั้งหน้ากากอาคารนั้น นับเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเน้นเป็นพิเศษ การสื่อสารหน้างานกับช่างอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะหน้าต่างเดิมของอาคารนั้นมีสภาพสวยไม่เท่ากัน บางบานมีกลอนและลูกบิดที่น่าโชว์ บางบานด้านหลังสวยกว่าด้านหน้าและบางบานติดแนวนอนสวยกว่าแนวตั้ง ฯลฯ ผมจึงนัดหมายกับช่างว่า จะต้องทำในวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เพื่อให้ผมสามารถยืนเฝ้าช่างติดตั้งได้ทั้งวัน แล้วใช้เลเซอร์พอยท์เตอร์ ในการชี้กำกับการติดตั้งทีละบาน ทีละบาน...






ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ก่อสร้าง ผมต้องรับสายโทรศัพท์วันหนึ่ง ๆ ร่วมร้อยครั้ง ทั้งจากช่างหน้างานร่วม 20 ชีวิต เจ้าน้องชาย หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ และยังไม่นับว่าผมต้องทำงานออกแบบที่รับผิดชอบอยู่ในออฟฟิศอีกร่วม ๆ 10 โครงการ ไม่ให้ขาดตกบกพร่องทุก ๆ วัน หลังเลิกจากงานประจำผมต้องบึ่งไปไซต์งานก่อสร้าง ตรวจงานในสภาพมืดมิดพร้อมกับส่องไฟฉายร่วมกับน้องชาย กินข้าวเย็นพร้อมกับแบ่งงานกันในวันต่อไป เสร็จแล้วแยกย้าย กลับถึงบ้านประมาณ 5 ทุ่ม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จร่วม ๆ เที่ยงคืน ต้องมานั่งเตรียมแบบให้ช่างอีกหลังจากนั้น
วงจรการทำงานวันแล้ววันเล่าในลักษณะนี้ เบียดเบียนเวลาพักผ่อน ของทั้งผมและน้องชายอย่างสาหัส ร่างกายผมกรอบเป็นข้าวเกรียบว่าว จนไม่กล้าขับรถไกล ๆ หนักเข้าผมต้องหันหน้าเข้าพึ่งหมอและใช้ยาช่วยเป็นระยะ ๆ
พอย่างเข้าสู่เดือนที่ 3 ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง หลังจากต้องเข้ามาตรวจหน้างานในความมืดมิดอยู่หลายสัปดาห์ ช่างไฟก็เริ่มติดดวงโคม แสงไฟที่สาดส่องเข้าไปอาบที่ผนังอย่างที่ผมได้จินตนาการไว้ สร้างความปลาบปลื้มเหมือนได้จับมือคนรักเป็นครั้งแรก
ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายงานเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ที่นอน หมอน ผ้าปู งานป้าย และกราฟฟิกต่าง ๆ เริ่มทยอยเข้ามาติดตั้งที่หน้างาน เสียงหัวเราะเริ่มกลับเข้ามาแทรกในบทสนทนาของผมกับน้องชายบ่อยครั้งขึ้น

(9 ต่อ) :::adventure hostel 1st guest-แขกผู้มาเยือนด้วยความสงสัยใคร่รู้:::
คืนก่อนวันทำบุญเลี้ยงพระเพียงแค่ 1 วัน หลังจากที่เตรียมจัดข้าวของและทำความสะอาดโฮสเทลเป็นครั้งสุดท้าย ผมในสภาพโทรมสุดขีดไม่ต่างจากกรรมกรคนหนึ่ง กำลังขนขยะไปทิ้งที่หน้าตึก มีฝรั่งคนหนึ่งเดินมาหาผมพร้อมกับถามผมว่า
"Are you working here? What is "adventure"? ผมเลยให้เขาเดาและเขาตอบว่าเป็น "a sort of budget overnight stay" เราคุยกันสักพัก ก่อนที่ผมจะเชื้อเชิญเค้าเข้ามาดู เขาเล่าว่านั่งบีทีเอสทุกวัน เลยเห็นความคืบหน้าในช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประทับใจกับการเอาไอเดียที่เอาหน้าต่างเก่ามาทำเป็นหน้ากากอาคาร เพราะมันเป็นทั้ง Shutter และ Opening ในเวลาเดียวกัน สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้เขามาก (เขาใช้คำว่า it raise up my curiosity)
พอล (Paul) เล่าว่าเป็นนักธุรกิจด้าน Media&Communication ชาวกรีกที่มาอาศัยอยู่ในไทยเกือบปีแล้ว เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจของกรีซอย่างที่รู้กัน พอลให้มุมมองที่พวกเราไม่เคยมองมาก่อน เขาเล่าว่าตัวเขาเองเวลาท่องเที่ยวในประเทศอื่น ๆ เขาไม่เคยเลือกพักในย่านที่มีฝรั่งเยอะ เพราะต้องการเปิดตัวเองให้เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นนั้นอย่างเต็มที่และอยู่ในย่านที่ราคาไม่แพงนัก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะอยู่สะพานควาย ซึ่งรายล้อมไปด้วยห้าง Megastore, Street Food ราคาประหยัด ใกล้สวนจตุจักรที่ไปออกกำลังกายได้ และมีโรงพยาบาลเปาโลเป็นเสมือนแผนสำรองในยามฉุกเฉิน
เรายืนสนทนากันอยู่เกือบชั่วโมง พอลให้คำแนะนำหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งระบบประกันภัยในการทำธุรกิจ/ปัจจัยในการตัดสินใจของแขก/วัฒนธรรมทีมีน้ำใจอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยที่เค้ามองว่าเหมือนชาวกรีก ฯลฯ
ผมรู้สึกประหลาดใจที่คนที่เพิ่งจะเดินผ่านไปนั้น เลือกที่จะเข้ามาคุยด้วยกันกับผมที่กำลังขนขยะอยู่ ผมคิดว่าวิธีการที่เราออกแบบและตำแหน่งของอาคารของโฮสเทลนั้น มีส่วนอย่างมากในการสื่อสารกับคนที่เดินทางอยู่รอบ ๆ ตัวมัน เราร่ำลากันพร้อมแลกเปลี่ยนนามบัตรและผมหวังว่างานออกแบบสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ จะดึงดูดคนที่น่าสนใจอย่างพอลเข้ามาหาเราอีก
ป.ล. หลังจากนั้น 1 วัน ในช่วงเลี้ยงฉลองวันเปิดตัวตอนค่ำ พอลเข้ามาร่วมงานกับเรา พร้อมกับสนุกสนานเฮฮากับพวกผมและเพื่อน ๆ อย่างแนบเนียนเป็นกันเองและอยู่จนถึงคนสุดท้าย ปาเข้าไปร่วมตีสอง !!! จนถึงทุกวันนี้พอลก็ยังติดต่อพวกเราและได้ให้คำแนะนำพวกเราอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอันใด นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตการทำโฮสเทลของพวกผมอย่างแท้จริง

(9 ต่อ) :::ยกสุดท้าย-ทำบุญเลี้ยงพระ
นับตั้งแต่วันรื้อถอนแล้วเสร็จ สุดท้ายเราใช้เวลา 90 วันในการออกแบบและก่อสร้าง โฮสเทลของเราได้ทำพิธีทำบุญเลี้ยงพระชุดใหญ่จากวัดโพธิ์ ร่วมกันกับญาติสนิทมิตรสหายที่มาแสดงความยินดี ในวันที่ 6 ธันวาคมปีที่ผ่านมา
ในระหว่างที่พระสวด ผมแอบมองเจ้าน้องชายตัวดี หญิงสาวข้างกายที่ได้ตรากตรำทำงานร่วมกันมาด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปน ถ้าไม่มี 2 คนนี้โครงการนี้ไม่มีทางได้มีโอกาสมานั่งฟังพระสวดในพิธีทำบุญเลี้ยงพระงานนี้ แต่ก็เล่นเอาเกือบจะได้ฟังพระสวดในอีกสถานะหนึ่งเหมือนกัน 555

(10-สรุป) :::ขอให้จิตวิญญาณแห่งการผจญภัย จงสถิตอยู่กับทุกท่าน - May the spirit of adventure be with you:::
หลังจากโครงการแล้วเสร็จได้ไม่นาน พวกเราได้ลองส่งบทความพร้อมภาพถ่ายของโครงการไปให้เว็บไซต์ ด้านงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งสุดท้ายโฮสเทลของพวกเราก็ได้รับการพิจารณาให้เผยแพร่ใน archdaily.com
แม้ว่าการที่ได้รับการคัดเลือกจากเว็บไซต์นี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในวงการออกแบบสถาปัตยกรรมของไทย และไม่ได้เป็นการการันตีว่าโฮสเทลของเราจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยการที่ได้รู้ว่าผลงานของเราก็ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ร่วมแพลตฟอร์ม (Platform) เดียวกันกับของวงการออกแบบนานาชาติ ก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี
"ขอให้จิตวิญญาณแห่งการผจญภัยจงสถิตแก่นักเดินทางทุกคน"
เมื่อถึงตอนที่ต้องตั้งชื่อโฮสเทล ผมนึกถึงเจ้าโปสการ์ดใบเล็กที่เคยได้ยืนอ่านเมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะอัญเชิญคำว่า Adventure หรือ "การผจญภัย" มาเป็นชื่อโปรเจคท์นี้
สุดท้ายแล้วคำคำนี้คงไม่ได้หมายความถึงแค่จิตวิญญาณของนักท่องเที่ยวแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายความรวมถึง การผจญภัยร่วมกันระหว่างผม หญิงสาวข้างกาย และน้องชายในที่ที่เราไม่เคยไปด้วยกัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเรา 3 คนคงไม่ต่างจากสหายร่วมรบที่ได้ออกศึกมาด้วยกัน แม้จะรู้ว่าหนทางข้างหน้ายังมีอีกหลายสมรภูมิที่ต้องฝ่าฟัน แต่ผมก็อุ่นใจที่มีทุกคนยืนเคียงข้างผจญภัยร่วมกันไป
ป.ล.
*** ขอขอบคุณทีมงานก่อสร้าง 20 ชีวิตที่ทำงานด้วยความอดทนและซื่อสัตย์ ในราคาสุดประหยัด ตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
*** ขอขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนใน Integrated Design Office ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำโครงการนี้ให้เสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ
บอล - นิติภูมิ เดชวงศ์ยา สำหรับภาพ Perspective ตั้งต้นและความทุ่มเทในการทำงานของคุณ ที่ทำให้พี่มองเห็นภาพงานออกแบบเบื้องต้นได้
แมว - ที่ช่วยทำ Drawings และคอยแก้งานเขียนแบบให้พี่อย่างไม่หยุดหย่อน รวมถึงแม้กระทั่งช่วยกำหนดธีมของงานออกแบบผ้าทั้งหมดและตัดเย็บผ้าด้วยตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง
ไผ่และปั่น - สำหรับการติดตั้งและออกแบบโคมไฟ อย่างที่พี่คิดไม่ถึงมาก่อนและช่วยอยู่ Set Up หลังคาผ้าขาวม้าให้พี่ด้วย
นิค - สำหรับงานออกแบบแผนที่และงานกราฟิกของโรงแรมต่าง ๆ ในช่วง Opening
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณแรงบันดาลใจทั้งหลายทั้งปวงที่มาจากบุคคลสำคัญที่สุดอีก 2 คน
น้องชาย - สำหรับการร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาด้วยกันอย่างโชกโชน ช่วงนี้กรูกับมรึงนี่ มองหัวแม่ตีนก็รู้ใจ 555
นุด - สำหรับกำลังใจและการอยู่เคียงข้างกันเสมอ ไม่ว่าจะสุขและทุกข์สุดขีดคลั่งขนาดไหน
:::ADVENTURE HOSTEL PHOTOS : ภาพถ่ายงานแอดเวนเจอร์โฮสเทล (1):::






:::chessboard restroom:::

:::living room - bkk street life:::

:::the movie room & bar:::

:::open roof terrace:::

:::มุมมหาชนบนบีทีเอส:::

:::4-BED DORM:::

:::8-BED DORM:::

:::10-BED DORM:::

(บทส่งท้าย) :::10 FUNDAMENTAL RULES IN HOSTEL DESIGN::: กฎเบื้องต้น 10 ประการในการออกแบบโฮสเทล
ตั้งแต่ออกแบบ Adventure Hostel Bangkok แล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีคนหลายสิบคนติดต่อเข้ามา เพื่อขอข้อมูลพื้นฐานด้านการออกแบบทั่วไป จริง ๆ ผมยังนับว่ามีประสบการณ์น้อยนิดราวกับแสงหิ่งห้อย เมื่อเทียบกับกูรูมากมายหลายคนในวงการและก็ได้เพียงแต่ให้คำปรึกษาไปเท่าที่พอรู้
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแบ่งปันข้อมูลสำหรับท่านที่อยากทราบเพิ่มเติม ผมขอรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นมาให้พิจารณาดังนี้นะครับ (ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัวอ่านแล้วไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้นะครับ)










:::คงมีแค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่านี้ก่อนนะครับ:::
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ บุญชัย เทียนวัง บจก. สำนักงานอินทิเกรทดีไซน์