วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ ที่หลายคนอาจทำมาตลอด มาดูกันว่ามีวิธีซักผ้าแบบไหนบ้างที่ยังทำอยู่ จะได้เลิกทำซะตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อถนอมเสื้อผ้าให้อยู่ทรง ไม่มีรอยขาด สามารถสวมใส่ไปได้นาน ๆ
พอมีเวลาว่างหรือวันหยุดก็เทเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้า กดปุ่มเปิด แล้วนั่งรอสัญญาณเตือนเพื่อเดินกลับมาตากผ้า รู้หรือไม่ว่าการทำแบบนี้ยิ่งทำให้เสื้อผ้าเสียทรง สีซีด หรือเสียหายได้ เพราะเสื้อผ้าแต่ละตัวมีวิธีดูแลที่แตกต่างกัน มาดูกันดีกว่าว่ายังซักผ้าแบบผิด ๆ อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่จะได้รีบเปลี่ยนวิธีซักผ้าเสียใหม่ เพื่อถนอมเสื้อผ้าให้ใส่ได้นาน ๆ ไม่เสียทรง สีซีด หรือมีรอยเสียหาย
1. มองข้ามป้ายเสื้อ
แม้ว่าการนำผ้าที่มีป้ายกำกับไว้ว่าควรซักแห้งไปซักแบบธรรมดา ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่มันจะส่งผลเสียระยะยาวแน่นอน ฉะนั้นการทำตามคำแนะนำบนป้ายเสื้อผ้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสวมใส่ได้นานขึ้น
2. ใส่ผงซักฟอกมากไป
ใช่ว่าใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้ามาก ๆ จะทำให้เสื้อผ้าสะอาดเสมอไป เพราะฤทธิ์ในการทำลายล้างคราบสกปรกของผงซักฟอกนี่แหละที่จะกัดเนื้อผ้าให้เสียหายไปพร้อมกับคราบสกปรก แค่ใส่ตามที่ฉลากระบุไว้ก็พอแล้ว
3. ขยี้ผ้าแรง
เวลาเห็นคราบหนักที่ซักออกยากจะคันไม้คันมืออยากขยี้แรง ๆ แต่วิธีนี้จะยิ่งทำให้คราบสกปรกแทรกซึมไปส่วนอื่น ๆ ของเสื้อผ้าและทำให้เนื้อผ้าถูกทำลายไปด้วย จะดีกว่าหากกำจัดคราบหนักออกก่อนหรือเหลือแค่รอยเปื้อนจาง ๆ ก่อนนำไปซัก
4. ซักผ้าผิดขั้นตอน
เมื่อก่อนอาจจะเคยได้ยินมาว่าให้เติมน้ำในเครื่องซักผ้าก่อน ตามด้วยผงซักฟอก แล้วค่อยใส่เสื้อผ้าทีหลัง นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนในผงซักฟอกจะมีส่วนผสมของสารโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS : Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ต้องใช้ตามคำแนะนำ แต่ตอนนี้มีการประกาศออกมาแล้วว่าห้ามใช้สารชนิดนี้ในไทย ดังนั้นลืมการซักผ้าแบบเก่าไปได้เลย เพราะจะทำให้เสื้อผ้าและผงซักฟอกลอยไปคนละทิศ เปลี่ยนมาเป็นใส่เสื้อผ้าลงไป ตามด้วยน้ำและผงซักฟอกดีกว่า
5. ไม่รูดซิปก่อนซัก
ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าหากซักเสื้อผ้าที่มีซิปรวมกับเสื้อผ้าเนื้อบาง ฟันซิปจะขูดเสื้อผ้าตัวอื่นจนขาด ฉะนั้นควรรูดซิปปิดให้สนิททุกครั้งก่อนนำไปซักรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเสียหาย
6. ไม่ปลดกระดุมก่อนซัก
อาจจะลืมปลดกระดุมตอนถอด แต่ก่อนซักควรสำรวจให้เรียบร้อยว่าปลดกระดุมออกทุกตัวแล้วหรือยัง เพราะการซักเสื้อผ้าทั้ง ๆ ที่ยังติดกระดุม อาจทำให้กระดุมหลุดร่วงง่ายขึ้นในระหว่างที่ซักด้วยแรงเหวี่ยงของเครื่องซักผ้า
7. ไม่เคยทำความสะอาดเครื่องซักผ้า
เพื่อให้เครื่องซักผ้าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรนำแผ่นกรองออกมาขัดถูด้วยแปรงสีฟันและน้ำสบู่ ดึงเศษผ้ารวมไปถึงสิ่งสกปรกออก ตากให้แห้งก่อนนำชิ้นส่วนไปประกอบที่เดิม ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกนาน
8. ใส่สารฟอกขาวมากไป
ถ้าอยากให้ผ้าขาวสะอาดเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ ๆ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งสารฟอกขาวเสมอไป เพราะการใช้สารฟอกขาวในจำนวนมากและบ่อยครั้งเกินไป อาจจะทำลายเนื้อผ้าไปในตัว ใช้ในปริมาณที่ระบุไว้บนฉลากก็พอ หรือนำผ้าขาวไปต้มในน้ำเปล่า แล้วเติมมะนาวสไลซ์ลงไป เป็นเวลา 2-3 นาที ก็ทำให้ผ้าขาวสะอาดได้เหมือนกัน
9. ซักถุงเท้าผิดวิธี
หากจำเป็นที่จะต้องซักถุงเท้ากับเสื้อผ้าทั่ว ๆ ไป แนะนำให้ใส่ถุงเท้าลงไปในถังก่อนเป็นลำดับแรก และตามด้วยเสื้อผ้าอื่น ๆ เมื่อเวลาซักทำความสะอาดจะทำให้ถุงเท้าอยู่ในรูปทรงที่เหมาะสม ไม่เข้าไปพันกับเสื้อผ้าชนิดอื่นให้เสียทรง
10. แยกผ้าผิดประเภท
ไม่ใช่แค่แยกผ้าสีออกจากผ้าขาวแล้วซักได้เลย เพราะควรแยกเสื้อผ้าตามประเภทของเนื้อผ้าตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนป้ายเสื้อผ้าให้ถูกต้อง ว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวผลิตจากผ้าชนิดไหนและซักอย่างไร เพื่อรักษาเสื้อผ้าให้อยู่ได้นาน
11. ซักผ้าแต่ละครั้งเยอะเกินไป
เพราะการซักเสื้อผ้าเกินน้ำหนักที่เครื่องซักผ้าระบุไว้ไม่ได้ทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ผ้าที่ซักเสร็จแล้วไม่สะอาดด้วย ฉะนั้นซักเสื้อผ้าในปริมาณที่พอดีก็จะช่วยรักษาทั้งเครื่องซักผ้าและเสื้อผ้าให้ใช้งานไปได้นาน ๆ
12. ซักชุดว่ายน้ำด้วยเครื่องซักผ้า
เพราะชุดว่ายน้ำรวมไปถึงชุดออกกำลังกายเป็นผ้ายืด ดังนั้นการซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าอาจจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายและเสียรูปทรงได้ จะเหมาะกว่าหากใช้วิธีซักมือในน้ำเย็น
13. ซักเสื้อแจ็กเก็ตแบบผิด ๆ
แรงเหวี่ยงระหว่างซักของเครื่องซักผ้าอาจจะทำลายรูปทรงเดิมของเสื้อแจ็กเก็ตให้เสียหายได้ ดังนั้นเวลาซักทำความสะอาดเสื้อผ้าชนิดนี้ แนะนำให้หาลูกเทนนิสมาใส่ในเครื่องซักผ้าประมาณ 3 ลูก แล้วปั่นไปพร้อม ๆ กับเสื้อผ้า จะช่วยรักษารูปทรงและเนื้อผ้าไว้ได้
เป็นอย่างไรกันบ้างมีใครเคยทำข้อไหนมาแล้วบ้าง ! แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะเมื่อรู้แล้วว่าวิธีเดิม ๆ ที่ทำมานั้นมันเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้นก็ควรปรับและเปลี่ยนวิธีซักให้ถูกต้องตามคำแนะนำที่เอามาฝากกันในวันนี้ เพื่อให้เสื้อผ้าของคุณยังคงสภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน
ขอบคุณข้อมูลจาก Realsimple และ Brightside