รีโนเวททาวน์เฮาส์ 2 ชั้น สไตล์ลอฟท์ เปลี่ยนทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นสุดเละ เป็นทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ ภายในงบประมาณจำกัดเพราะมีภาระอื่นต้องรับผิดชอบ เขาจะจัดการอย่างไร ตามไปชมรีโนเวททาวน์เฮ้าส์ของเขากันเลยค่ะ
สวัสดีครับ ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้าติดตามการรีโนเวทบ้านจากเว็บเพจต่าง ๆ หรือทั้งรายการต่าง ๆ มาหลายรายการ รู้สึกชื่นชอบและชื่นชมกับบ้านของเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านที่ได้มาแชร์อยู่หลายครั้ง...แต่แล้ววันนี้ผมก็ได้มีโอกาสแชร์ประสบการ์การรีโนเวทบ้านที่เป็นบ้านของตัวเองบ้าง ข้อมูลที่ผมจะแชร์นี้ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดอย่างไร ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ
เริ่มจากผมได้ผ่อนบ้านหลังเก่าที่ซื้อให้พ่อ แม่ และน้อง ๆ เป็นเวลานานและใกล้จะหมดแล้ว ผมจึงคิดหาบ้านหลังใหม่ที่ที่ตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระ แต่ต้องอยู่ในภาระหนี้สินที่ตัวผมเองพอรับไหวด้วย แต่ด้วยเนื่องจากสเปกบ้านที่ผมต้องการกับราคาบ้านในท้องตลาดมันช่างไม่มีความสมดุลกันเลย โดยโจทย์ความต้องการบ้านของผมคือ
- เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง (เพราะตั้งแต่เด็กผมเติบโตและชินกับบ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ในตัวเมืองชั้นใน)
- ราคาไม่เกิน 1,7XX,XXX บาท (ที่ต้องเป็นราคานี้ เพราะถ้าเป็นราคาที่แพงกว่านี้ผมต้องลำบากผ่อนในแต่ละเดือนแน่ ๆ เพราะด้วยภาระหนี้ที่ผมต้องผ่อนบ้านถึง 2 หลัง แถมในอนาคตอันใกล้ผมอาจจะเปลี่ยนรถใหม่อีก ซึ่งภาระเหล่านี้ผมรับผิดชอบเพียงคนเดียว T__T )
- อาจจะต้องมีร่มไม้มีพื้นที่สีเขียวบ้าง
- ต้องไม่มีค่าส่วนกลางจุกจิกมากจนเกินไป
- ต้องสงบด้วย
ผมเยอะมั้ยครับ 555 มันคงไม่มีหรอกครับโครงการบ้านแบบที่ผมตั้งโจทย์เอาไว้ ฉะนั้นผมจึงคิดว่าผมควรจะหาบ้านที่เป็นบ้านมือสองที่ใกล้เมืองเพื่อทำการรีโนเวทในแบบที่เป็นสไตล์ผม แต่การที่จะหาบ้านมือสองที่ดี ๆ นั้นยากมาก เพราะผมก็ไม่มีความรู้เรื่องโครงสร้างเลยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจซื้อบ้านยังไงดี แต่ผมก็พยายามหาบ้านอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับศึกษาวิธีการเลือกบ้านควบคู่กันไปด้วยจนมาเจอบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ไม่ใกล้และไม่ไกลจากกลางใจเมืองมากนัก ทำเลที่ตั้งของบ้านอยู่ห่างจากออฟฟิศย่านเอกมัยมาถึงตัวบ้านเพียง 11-12 กิโลเมตร (โอเค เรื่องทำเลถือว่าพอได้อยู่)
พอผมเข้าไปดูบ้านก็สังเกตอยู่หนึ่งอย่างคือบ้านสมัยก่อนนั้นจะเป็นทรงยาวและค่อนข้างมืด แต่ดู ๆ ไปก็ไม่ค่อยติดขัดอะไร เพราะด้วยสภาพของตัวอาคารที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่อาจจะมีทรุดบ้างอะไรบ้างเล็กน้อยมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะหลังนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์เก่าอายุ 23-24 ปีพอดิบพอดี แต่สภาพรวม ๆ ยังแข็งแรงอยู่มากเพราะก่อด้วยอิฐมอญทั้งหลัง ที่สำคัญราคาน่าสนใจสำหรับผมมากเพราะราคานั้นอยู่ที่ 1,4XX,XXX บาท ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ผมรับได้ และถ้าเปรียบเทียบกับทำเลบ้านโครงการใหม่ ๆ ในย่านนี้แล้ว โครงการใหม่ ๆ น่าจะอยู่ประมาณ 2,XXX,XXX++ บาท หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จในอีก 3-4 ปี แล้วอีกอย่างถ้าเป็นบ้านใหม่ราคานี้คงได้แค่ตัวบ้านเปล่า ๆ ในพื้นที่ 16-17 ตารางวาเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันผมกับได้บ้านหลังนี้ในพื้นที่ 22 ตารางวา (เดิมทีบ้านหลังนี้มี 16 ตารางวา แต่เจ้าของเดิมได้ซื้อที่ดินเพิ่มออกไปหลังบ้านอีก 6 ตารางวา จึงกลายเป็น 22 ตารางวาครับ)
หลังจากผ่อนบ้านที่ซื้อให้ครอบครัวใกล้จะหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ คุณ สมาชิกหมายเลข 5177000 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จะซื้อบ้านของตัวเองบ้าง แต่สู้ราคาบ้านใหม่ไม่ไหว เลยเบนเข็มไปหาบ้านเก่าแทน จนได้เจอกับบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นห่างจากออฟฟิศแถวเอกมัยไปสิบกว่ากิโลเมตร บวกกับสเปกบ้านและราคาก็อยู่ในระดับที่ผ่อนไหว เลยตัดสินใจซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นหลังนี้มาทำใหม่ แต่ก็เจอกับปัญหาเรื่องเงินเพราะมีงบจำกัด ตามมาดูกันว่าเขาจัดการงบในการรีโนเวททาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นหลังนี้อย่างไร ให้ออกมาเป็นบ้านสไตล์ลอฟท์ที่ทั้งสวย คูล เท่ และน่าอยู่ขนาดนี้ !
[CR] รีวิวรีโนเวทบ้าน "เละ" ให้เป็นบ้าน "ลอฟท์" ในงบประมานที่จำกัด
[CR] รีวิวรีโนเวทบ้าน "เละ" ให้เป็นบ้าน "ลอฟท์" ในงบประมานที่จำกัด
โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 5177000
สวัสดีครับ ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เฝ้าติดตามการรีโนเวทบ้านจากเว็บเพจต่าง ๆ หรือทั้งรายการต่าง ๆ มาหลายรายการ รู้สึกชื่นชอบและชื่นชมกับบ้านของเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่านที่ได้มาแชร์อยู่หลายครั้ง...แต่แล้ววันนี้ผมก็ได้มีโอกาสแชร์ประสบการ์การรีโนเวทบ้านที่เป็นบ้านของตัวเองบ้าง ข้อมูลที่ผมจะแชร์นี้ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดอย่างไร ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ
เริ่มจากผมได้ผ่อนบ้านหลังเก่าที่ซื้อให้พ่อ แม่ และน้อง ๆ เป็นเวลานานและใกล้จะหมดแล้ว ผมจึงคิดหาบ้านหลังใหม่ที่ที่ตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระ แต่ต้องอยู่ในภาระหนี้สินที่ตัวผมเองพอรับไหวด้วย แต่ด้วยเนื่องจากสเปกบ้านที่ผมต้องการกับราคาบ้านในท้องตลาดมันช่างไม่มีความสมดุลกันเลย โดยโจทย์ความต้องการบ้านของผมคือ
- เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง (เพราะตั้งแต่เด็กผมเติบโตและชินกับบ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ในตัวเมืองชั้นใน)
- ราคาไม่เกิน 1,7XX,XXX บาท (ที่ต้องเป็นราคานี้ เพราะถ้าเป็นราคาที่แพงกว่านี้ผมต้องลำบากผ่อนในแต่ละเดือนแน่ ๆ เพราะด้วยภาระหนี้ที่ผมต้องผ่อนบ้านถึง 2 หลัง แถมในอนาคตอันใกล้ผมอาจจะเปลี่ยนรถใหม่อีก ซึ่งภาระเหล่านี้ผมรับผิดชอบเพียงคนเดียว T__T )
- อาจจะต้องมีร่มไม้มีพื้นที่สีเขียวบ้าง
- ต้องไม่มีค่าส่วนกลางจุกจิกมากจนเกินไป
- ต้องสงบด้วย
ผมเยอะมั้ยครับ 555 มันคงไม่มีหรอกครับโครงการบ้านแบบที่ผมตั้งโจทย์เอาไว้ ฉะนั้นผมจึงคิดว่าผมควรจะหาบ้านที่เป็นบ้านมือสองที่ใกล้เมืองเพื่อทำการรีโนเวทในแบบที่เป็นสไตล์ผม แต่การที่จะหาบ้านมือสองที่ดี ๆ นั้นยากมาก เพราะผมก็ไม่มีความรู้เรื่องโครงสร้างเลยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจซื้อบ้านยังไงดี แต่ผมก็พยายามหาบ้านอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับศึกษาวิธีการเลือกบ้านควบคู่กันไปด้วยจนมาเจอบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ไม่ใกล้และไม่ไกลจากกลางใจเมืองมากนัก ทำเลที่ตั้งของบ้านอยู่ห่างจากออฟฟิศย่านเอกมัยมาถึงตัวบ้านเพียง 11-12 กิโลเมตร (โอเค เรื่องทำเลถือว่าพอได้อยู่)
พอผมเข้าไปดูบ้านก็สังเกตอยู่หนึ่งอย่างคือบ้านสมัยก่อนนั้นจะเป็นทรงยาวและค่อนข้างมืด แต่ดู ๆ ไปก็ไม่ค่อยติดขัดอะไร เพราะด้วยสภาพของตัวอาคารที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่อาจจะมีทรุดบ้างอะไรบ้างเล็กน้อยมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะหลังนี้เป็นทาวน์เฮ้าส์เก่าอายุ 23-24 ปีพอดิบพอดี แต่สภาพรวม ๆ ยังแข็งแรงอยู่มากเพราะก่อด้วยอิฐมอญทั้งหลัง ที่สำคัญราคาน่าสนใจสำหรับผมมากเพราะราคานั้นอยู่ที่ 1,4XX,XXX บาท ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ผมรับได้ และถ้าเปรียบเทียบกับทำเลบ้านโครงการใหม่ ๆ ในย่านนี้แล้ว โครงการใหม่ ๆ น่าจะอยู่ประมาณ 2,XXX,XXX++ บาท หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จในอีก 3-4 ปี แล้วอีกอย่างถ้าเป็นบ้านใหม่ราคานี้คงได้แค่ตัวบ้านเปล่า ๆ ในพื้นที่ 16-17 ตารางวาเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันผมกับได้บ้านหลังนี้ในพื้นที่ 22 ตารางวา (เดิมทีบ้านหลังนี้มี 16 ตารางวา แต่เจ้าของเดิมได้ซื้อที่ดินเพิ่มออกไปหลังบ้านอีก 6 ตารางวา จึงกลายเป็น 22 ตารางวาครับ)
หลังจากการทำสัญญาซื้อ-ขายและทำเรื่องโอนต่าง ๆ นานา จากกรมที่ดินเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็เข้ามาสำรวจสภาพของตัวบ้านโดยละเอียด บ้านที่พอเจ้าของเก่าได้ขนของออกไปหมดแล้ว ก็เหลืออารยธรรมมากมายอย่างที่เห็น มีทั้งรอยลอกล่อน มีทั้งรอยพื้นที่ผุนิดหน่อยพอสมควร และมีฝ้าที่ผุพัง แต่ถือว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย เพราะภาพบ้านในหัวผมมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผมจะรื้อถอน จะเพิ่ม จะเติมตรงไหน แล้วอีกอย่างรวม ๆ แล้วการผุพังทั้งหมดก็ไม่มีปัญหากับงานโครงสร้างเท่าไร ก็ถือว่าโอเคไปอีกหนึ่งอย่างล่ะ
พอเดินมาหลังบ้าน (เอาจริง ๆ แล้วแอบกลัวนะ) เพราะไฟมีน้อยมากแถมยังมีต้นขนุนต้นใหญตั้งตระหง่านอยู่หลังบ้านในมุมมืด (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะกลัวจะถ่ายติดอะไรมา 555) แต่ชอบอย่างคือหลังบ้านมีเพดานที่สูงจึงทำให้อากาศในบ้านไม่ร้อนจนเกินไป แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะมีพื้นที่เอาต์ดอร์ไว้พักผ่อนได้ด้วย
พอเดินมาหลังบ้าน (เอาจริง ๆ แล้วแอบกลัวนะ) เพราะไฟมีน้อยมากแถมยังมีต้นขนุนต้นใหญตั้งตระหง่านอยู่หลังบ้านในมุมมืด (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะกลัวจะถ่ายติดอะไรมา 555) แต่ชอบอย่างคือหลังบ้านมีเพดานที่สูงจึงทำให้อากาศในบ้านไม่ร้อนจนเกินไป แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เพราะมีพื้นที่เอาต์ดอร์ไว้พักผ่อนได้ด้วย
- ถัดมาก็คือชั้นสอง ขึ้นมาตกใจเลย ไม่ได้เจอผีนะ แต่เพราะเจอห้องนอนสีเขียวสดจนจะเป็นสีเขียวสะท้อนแสงอยู่แล้ว คือพี่เจ้าของห้องเก่าเขาคงชอบธรรมชาติอยู่ไม่น้อย อิอิ แต่ดีที่เจ้าของเก่าเขาแถมแอร์ให้หนึ่งเครื่อง ถ้าได้ล้างแอร์หน่อยสภาพน่าจะใช้ได้ดีอยู่
- ถัดมาอีกหนึ่งห้องนอนก็ไม่แพ้กัน เจ้าของห้องน่าจะชอบทะเลมาก เพราะสีของห้องมาเป็นสีฟ้ามาเชียว จริง ๆ แล้วห้องนี้ ลมผ่านได้ดีกว่าห้องสีเขียวซะอีก ผมคิดว่าจะทำห้องนี้เป็นห้องพระเพราะทิศทางดูแล้วน่าจะพอได้อยู่
- ถัดมาเป็นห้องน้ำก็ถือว่าถูกใช้งานมาหนักเหมือนกันโทรมไปตามสภาพปกติของบ้านเก่า กระเบื้องก็หมดสภาพไปแล้วเหมือนกัน....เอาล่ะหลังสำรวจรอบแรกเสร็จ ผมก็ทำการวัดพื้นที่เพื่อทำแบบทันที
- ผมเริ่มจากเขียนแบบแปลนบ้านอย่างง่าย ๆ เพื่อพอสื่อสารให้ช่างได้เข้าใจ ผมอาจจะเขีบนแบบไม่ได้ละเอียดมากอาจจะมั่ว ๆ ไปนิด เพราะผมเองก็ไม่ได้จบทางนี้มาโดยตรง แต่แค่อาศัยว่าผมทำกราฟิกได้ และก็อาศัยจากการดูใน Google บ้างไรบ้าง
- ในขณะที่ผมทำแบบแปลนอยู่นั้น ไอเดียเริ่มมาผมก็ได้หาแบบบ้านมาเป็นตัวอย่างมากมาย ชอบทุกสไตล์และอย่างทำไปซะทุกแบบ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดไม่ได้อยู่ที่ไอเดียเพียงอย่างเดียว มันอยู่ที่งบประมาณของเราด้วย หลังจากผมได้ทำธุระเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมโอนต่าง ๆ นานาแล้ว ผมเหลือเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วเงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นจำนวนที่มากมายเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการรีโนเวทบ้านและซื้อของเข้าบ้านเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมต้องมีเกือบทุกอย่างเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จาน-ชาม ฯลฯ หลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว สรุปคือผมต้องทำยังไงก็ได้ให้ผมได้ทั้งรีโนเวทบ้านและมีเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ เข้าบ้าน ในราคาประมาน 250,000 บาท หรือบวกลบเกินมาได้นิดหน่อย
หลังจากฟุ้งซ่านความคิดมามากพอแล้วผมก็ต้องหาข้อมูลเรื่องวัสดุให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ โดยปรึกษากับเพื่อน ๆ ที่เป็น Interior Designer กับ Contractor Onsite อยู่บ้างว่า ที่ผมฟุ้งซ่านมามากมายนั้นจะทำออกมาได้จริงตามจำนวนเงินที่ผมมีได้มั้ย เมื่อได้ข้อมูลและไอเดียที่นิ่งแล้ว ผมก็รู้แล้วว่าตัวเองชอบบ้านสไตล์ Studio ที่มีความเป็น Scandinavian Loft 555 (และเดี๋ยวมาดูกันว่าจะลอฟท์หรือจะเละ ! อิอิ)
แต่เหนือสิ่งอื่นใดไม่ได้อยู่ที่ไอเดียเพียงอย่างเดียว มันอยู่ที่งบประมาณของเราด้วย หลังจากผมได้ทำธุระเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมโอนต่าง ๆ นานาแล้ว ผมเหลือเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วเงินจำนวนนี้ไม่ได้เป็นจำนวนที่มากมายเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการรีโนเวทบ้านและซื้อของเข้าบ้านเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมต้องมีเกือบทุกอย่างเพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จาน-ชาม ฯลฯ หลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว สรุปคือผมต้องทำยังไงก็ได้ให้ผมได้ทั้งรีโนเวทบ้านและมีเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ เข้าบ้าน ในราคาประมาน 250,000 บาท หรือบวกลบเกินมาได้นิดหน่อย
หลังจากฟุ้งซ่านความคิดมามากพอแล้วผมก็ต้องหาข้อมูลเรื่องวัสดุให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ โดยปรึกษากับเพื่อน ๆ ที่เป็น Interior Designer กับ Contractor Onsite อยู่บ้างว่า ที่ผมฟุ้งซ่านมามากมายนั้นจะทำออกมาได้จริงตามจำนวนเงินที่ผมมีได้มั้ย เมื่อได้ข้อมูลและไอเดียที่นิ่งแล้ว ผมก็รู้แล้วว่าตัวเองชอบบ้านสไตล์ Studio ที่มีความเป็น Scandinavian Loft 555 (และเดี๋ยวมาดูกันว่าจะลอฟท์หรือจะเละ ! อิอิ)
- เริ่มจากผมใช้วิชากราฟิกของตัวเองในการรีทัชรูปแบบที่ผมอยากจะทำออกมาดูก่อน ว่ามันพอจะเข้ากันหรือเปล่า และขั้นตอนต่อไปคือผมต้องเสาะหา วัสดุก่อสร้าง, อุปกรณ์การตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อมาคำนวณงบประมาณเรื่องการทำบ้านด้วยตัวเอง
- เสร็จแล้วก็ทำบรีฟงาน เพื่อเคลียร์กับผู้รับเหมา หลังจากนั้นก็ต้องหาผู้รับเหมาให้ตรงกับราคาที่วางไว้
ซึ่งแบบที่คุยกับช่างและตอนอยู่หน้างานจริงอาจจะไม่ตรงกัน เพราะอาจจะมีเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่าง ๆ และพอถึงขั้นตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าด้วยงบประมาณที่จำกัด หลังจากผมว่าจ้างผู้รับเหมาเสร็จแล้ว งานที่เหลือผมต้องลุยเองทั้งหมด คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ แต่คิดอีกทีก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
เมื่อหาผู้รับเหมาได้แล้ว (ผู้รับเหมารายนี้เพื่อนหามาให้และผมรู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถทำงานในราคามิตรภาพได้) และตกลงราคาค่าแรงกันแล้ว ผมก็พาผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้าน แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็ลุยงานทันที เริ่มจากเขาจะแบ่งทีมช่างเป็น 2 ทีม ทีมหนึ่งอยู่ที่บ้านเพื่อทำงานรื้อถอน และอีกทีมหนึ่งจะพาผมไปซื้อวัสดุก่อสร้าง
ซึ่งแบบที่คุยกับช่างและตอนอยู่หน้างานจริงอาจจะไม่ตรงกัน เพราะอาจจะมีเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่าง ๆ และพอถึงขั้นตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าด้วยงบประมาณที่จำกัด หลังจากผมว่าจ้างผู้รับเหมาเสร็จแล้ว งานที่เหลือผมต้องลุยเองทั้งหมด คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ แต่คิดอีกทีก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
เมื่อหาผู้รับเหมาได้แล้ว (ผู้รับเหมารายนี้เพื่อนหามาให้และผมรู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถทำงานในราคามิตรภาพได้) และตกลงราคาค่าแรงกันแล้ว ผมก็พาผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้าน แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็ลุยงานทันที เริ่มจากเขาจะแบ่งทีมช่างเป็น 2 ทีม ทีมหนึ่งอยู่ที่บ้านเพื่อทำงานรื้อถอน และอีกทีมหนึ่งจะพาผมไปซื้อวัสดุก่อสร้าง
- รายการยาวเป็นหางว่าวเลยครับงานนี้
- หลังจากรื้อถอนเสร็จ ช่างก็ดูระบบน้ำภายในบ้านกับระบบไฟฟ้าให้ ระบบไฟฟ้าไม่มีปัญหา แต่ระบบน้ำช่างบอกมีการอุดตันที่ท่อน้ำทิ้งหลัก ผมจึงวานให้ช่างแก้ปัญหาทันที แล้วก็ให้ช่างเช็กท่อน้ำทิ้งจากชั้นสองว่าอย่าให้มีน้ำซึมโดยเด็ดขาด เพราะว่าผมจะทำการเปลือยเพดานชั้น 1 ทั้งหมด
- เมื่อจัดการกับระบบน้ำเสร็จช่างก็ทำการพ่นสีน้ำพลาสติกเพื่อรองพื้นเพดานไปหนึ่งรอบ และในขณะเดียวกันหัวหน้าช่างก็แบ่งทีมออกเพื่อปูกระเบื้องและเปลี่ยนสุขภัณฑ์
- และวันต่อมาช่างก็ได้ทำการเปลี่ยนหน้าต่างชั้น 1 หลังจากนั้นขั้นตอนต่อไปคือให้ช่างไฟเข้ามาดูงานแล้วทำการเดินท่อไฟทันที หลังจากที่ช่างไฟเดินท่อไปครึ่งหนึ่ง ตอนแรกผมคิดว่าจะโชว์ท่อ EMT แต่ผมก็เห็นภาพในหัวแล้วว่า ต้องไม่เป็นอย่างที่คิดแน่ ๆ เลยบอกช่างสีว่าอาจจะต้องเก็บสีดำทับอีกหนึ่งรอบ ช่างก็ใจดีที่ทำให้
- สองวันถัดมาหลังจากที่ช่างไฟเดินไฟเรียบร้อยแล้ว ทางทีมทำเคาน์เตอร์ครัวก็เข้ามา สำหรับเคาน์เตอร์ครัวตอนแรกตามแบบในใบงานที่สั่งช่าง ผมจะทำแค่เคาน์เตอร์ปูนขัดมัน แต่ช่างบอกว่า "กระเบื้องเหลือจากการปูห้องน้ำตั้งเยอะ ทำไมไม่เอามาใช้ปูเคาน์เตอร์ครัวล่ะ เพราะในระยะยาวมันจะทนและทำความสะอาดง่ายกว่า" ผมก็พยายามนึกภาพตามว่าจะออกมาเป็นยังไง สรุปคือผมเชื่อช่างครับ 555 เพราะไม่ได้เสีย Design มากมายอะไร และอีกอย่างก็ทำความสะอาดง่ายด้วย
- ตอนเย็น ๆ ในวันเดียวกันนั้นผมก็ได้สาธยายไอเดียฟุ้งซ่านของผมให้หัวหน้าช่างฟังว่าจะทำอะไรเองบ้าง หนึ่งในนั้นผมพูดเรื่องทำผนังอิฐ ด้วยอาการกรึ่ม ๆ และคุยกันถูกคอ หัวหน้าช่างก็เลยบอกว่า "แกจะทำเองให้มันเหนื่อยทำไมวะ คนของพี่เยอะแยะ" ผมได้ยินแบบนั้นถึงกับสร่าง แล้วตอกกลับไปว่า "เฮ้ยพูดจิงดิพี่ เอาจิงนะ 555" (จริง ๆ ก็เกรงใจเหมือนกันเพราะมันไม่ได้อยู่ในบรีฟงานที่ตกลงกันเอาไว้)
- แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ ช่างที่เป็นคนทำเคาน์เตอร์ปูนเลยลุกขึ้นเพื่อทำให้ดูเป็นตัวอย่างได้ครึ่งผนัง แล้วก็ถามผมว่า "คุณจะทำแบบนี้ใช่มั้ยครับ" ผมก็บอกว่าใช่ ๆ ลุง สวย ๆ ๆ ครับ วันรุ่งขึ้นหัวหน้าช่างเลยจัด 3 ผนังงาม ๆ ให้เลยครับ 555
- พอผนังอิฐเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาทำประตูเหล็กฉีก ผมได้มีแบบคร่าว ๆ ให้ช่างดูว่าผมอยากได้ประมาณไหนบ้าง โจทย์คือผมจะใช้โครงเหล็ก ประตูอันเก่าแต่แค่ตัดลายเหล็กดัดอันเก่าออก แล้วเชื่อมเหล็กฉีกเข้าไปแทนที่ หลังจากนั้นก็ให้ช่างพ่นสีให้เรียบร้อย นอกนั้นก็มีโครงประตูบางส่วนที่ผุพังมาและมีงานราวกั้นบนชั้นสองที่ต้องซื้อเหล็กกล่องมาทำโครงใหม่
- ในขณะเดียวกันทางช่างมีลามิเนตลายไม้เหลืออยู่ ช่างเลยจัดการแปะทับที่ประตูอันเก่าที่มันเริ่มผุพังให้ผมด้วย จริง ๆ แล้วงานนี้น่าจะเป็นงานที่ถนัดของช่างที่นี่อยู่แล้ว เพราะช่างส่วนใหญ่มาจากสายงานเฟอรนิเจอร์ทั้งนั้น (งานนี้ก็เลยฟรีจ้า)
- ถึงตอนนี้ก็เริ่มใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้วครับ ช่างก็ใจดีทาสีรองพื้นห้องนอนให้ผมด้วย เพราะช่างบอกว่าถ้าจะเปลี่ยนเขียวเป็นขาว ผมจะต้องเหนื่อยทาหลายรอบมาก ช่างจึงขูดสีและทารองพื้นให้ผมก่อน ถือว่าน้ำใจงามมาก ๆ 55
ด้วยงบประมาณการว่าจ้างช่างมีเท่านี้ งานช่างจึงจบอย่างรวดเร็ว (ซึ่งผมคิดว่าเท่านี้ทางผู้รับเหมาก็ทำงานแถมให้ผมเยอะมากแล้ว กราบขอบพระคุณผู้รับเหมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ) สรุปงานที่ช่างทำให้นะครับ
- รื้อถอนฝ้าชั้น 1 และพื้นปาร์เก้ที่อยู่ที่บันได (ราวบันได) และที่ห้องนอนทั้งสองห้อง รวมถึงทางเดินที่ชั้น 2
- นำขยะจากการรื้อถอนไปทิ้ง
- เช็กระบบน้ำให้
- ทำสีที่ฝ้าชั้น 1
- ปูกระเบื้องน้ำทั้งสองห้อง พร้อมเปลี่ยนสุขภัณฑ์
- เดินไฟฟ้าด้วยท่อ EMT ทั้ง 2 ชั้น พร้อมติดตั้งโคมไฟต่าง ๆ และต่อสวิตช์ไฟ รวมทั้งหมดประมาณ 23 จุด
- ติดตั้งเครื่องดูดอากาศและพัดลมดูดอากาศ ติดตั้งปั๊มน้ำ ติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง บานเล็ก และบานใหญ่
- ทำเคาน์เตอร์ครัวพร้อมติดตั้งซิงค์ล้างมือและเดินท่อน้ำและติดตั้งเตาแก๊ส
- แปะผนังอิฐพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร (โดยประมาณ)
- ซ่อมประตู 2 บาน และเปลี่ยนประตูห้องน้ำให้พร้อมเปลี่ยนลูกบิดใหม่
- ทำประตูเหล็กฉีก 3 บาน และทำราวเหล็กฉีกที่ทางเดินชั้น 2 (พร้อมติดตั้ง)
อันนี้ไม่รวมเก็บงานละเอียดนะครับ เพราะงานละเอียดผมบอกช่างว่าที่เหลือผมจะเป็นคนเก็บงานเองครับ ถึงงานช่างจะจบ แต่สำหรับผมแล้วงานมันเพิ่งจะเริ่มครับ ผมที่ใช้เวลาวันเสาร์และอาทิตย์ส่วนมากในการทำงาน แต่อาจจะมีหลังเลิกงานบ้างบางวันที่จะเข้ามาเก็บงานต่อ แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้ทำคนเดียวนะครับ จะมีอาทิตย์ละ 1 วันที่ พ่อ แม่ และแฟนผมต่างก็มารุมช่วยผมทำบ้านเหมือนกัน ผมไม่รอช้าครับเพราะผมรู้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้รวดเร็วเหมือนช่างทำแน่ ๆ
ด้วยงบประมาณการว่าจ้างช่างมีเท่านี้ งานช่างจึงจบอย่างรวดเร็ว (ซึ่งผมคิดว่าเท่านี้ทางผู้รับเหมาก็ทำงานแถมให้ผมเยอะมากแล้ว กราบขอบพระคุณผู้รับเหมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ) สรุปงานที่ช่างทำให้นะครับ
- รื้อถอนฝ้าชั้น 1 และพื้นปาร์เก้ที่อยู่ที่บันได (ราวบันได) และที่ห้องนอนทั้งสองห้อง รวมถึงทางเดินที่ชั้น 2
- นำขยะจากการรื้อถอนไปทิ้ง
- เช็กระบบน้ำให้
- ทำสีที่ฝ้าชั้น 1
- ปูกระเบื้องน้ำทั้งสองห้อง พร้อมเปลี่ยนสุขภัณฑ์
- เดินไฟฟ้าด้วยท่อ EMT ทั้ง 2 ชั้น พร้อมติดตั้งโคมไฟต่าง ๆ และต่อสวิตช์ไฟ รวมทั้งหมดประมาณ 23 จุด
- ติดตั้งเครื่องดูดอากาศและพัดลมดูดอากาศ ติดตั้งปั๊มน้ำ ติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง บานเล็ก และบานใหญ่
- ทำเคาน์เตอร์ครัวพร้อมติดตั้งซิงค์ล้างมือและเดินท่อน้ำและติดตั้งเตาแก๊ส
- แปะผนังอิฐพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร (โดยประมาณ)
- ซ่อมประตู 2 บาน และเปลี่ยนประตูห้องน้ำให้พร้อมเปลี่ยนลูกบิดใหม่
- ทำประตูเหล็กฉีก 3 บาน และทำราวเหล็กฉีกที่ทางเดินชั้น 2 (พร้อมติดตั้ง)
อันนี้ไม่รวมเก็บงานละเอียดนะครับ เพราะงานละเอียดผมบอกช่างว่าที่เหลือผมจะเป็นคนเก็บงานเองครับ ถึงงานช่างจะจบ แต่สำหรับผมแล้วงานมันเพิ่งจะเริ่มครับ ผมที่ใช้เวลาวันเสาร์และอาทิตย์ส่วนมากในการทำงาน แต่อาจจะมีหลังเลิกงานบ้างบางวันที่จะเข้ามาเก็บงานต่อ แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้ทำคนเดียวนะครับ จะมีอาทิตย์ละ 1 วันที่ พ่อ แม่ และแฟนผมต่างก็มารุมช่วยผมทำบ้านเหมือนกัน ผมไม่รอช้าครับเพราะผมรู้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้รวดเร็วเหมือนช่างทำแน่ ๆ
- ผมจึงเริ่มจากมาทำผนังอิฐอีกหนึ่งผนังให้มันจบ ในเวลาเดียวกันนั้นผมก็จ้างช่างปูนมาเก็บงานพื้นที่ขั้นบันไดให้พื้นมันเรียบ เพื่อที่ผมจะทำปูนลอฟท์ขัดมันที่พื้นบันได
- บันไดที่ผมคิดไว้ อยากได้ประมาณนี้ครับ
ในวันถัดมาผมก็ได้เริ่มเก็บงานตกแต่งซะที โดยผมจะเริ่มจากการขูดและขัดสี, โป๊ผนังให้เรียบและทำความสะอาดผนังทั้ง 2 ชั้นก่อนครับ หลังจากนั้นผมก็จะเริ่มทำจากชั้นสองแล้วไล่ลงมาชั้นล่าง โดยงานแรกจะเป็นการทาสีในห้องนอนและผนังอิฐก่อน
ในวันถัดมาผมก็ได้เริ่มเก็บงานตกแต่งซะที โดยผมจะเริ่มจากการขูดและขัดสี, โป๊ผนังให้เรียบและทำความสะอาดผนังทั้ง 2 ชั้นก่อนครับ หลังจากนั้นผมก็จะเริ่มทำจากชั้นสองแล้วไล่ลงมาชั้นล่าง โดยงานแรกจะเป็นการทาสีในห้องนอนและผนังอิฐก่อน
- จะเห็นได้ว่าผมตั้งใจทาผนังอิฐให้สีมันไม่เสมอกันเพราะผมอยากให้มันรู้สึกว่าอิฐมันถูกกร่อน เพื่อให้ได้อารมณ์ที่ดูไม่น่าเบื่อ
- พอทาสีห้องนอนแรกเสร็จ ผมก็ทาสีห้องน้ำและห้องนอนที่สองทันที แล้วก็ไล่สีและเก็บงานตรงทางลงบันไดตามลำดับ
- เสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปคือการทำผนังปูนลอฟท์ ผมเลือกใช้ยี่ห้อนี้ครับผมว่าน่าจะใช้ง่าย แล้วก็เทกเจอร์ที่ได้จะออกมาไม่จัดจ้านมากครับ เทกเจอร์จะออกคลีน ๆ มากกว่า ซึ่งเทคนิคของผมคือการทารองพื้นสีเทาบาง ๆ ก่อนนะครับ หลังจากนั้นผมก็ละเลงผนังลอฟท์ทันทีครับ หลังจากทำเสร็จแล้วก็จะได้เทกเจอร์ประมาณนี้ครับ
- เสร็จแล้วก็ทำที่พื้น แล้วก็ทำที่บันไดตามลำดับครับ เมื่อแห้งแล้วก็ลงยูรีเทนเคลือบ พอยูรีเทนแห้งแล้วหลังจากนั้นผมก็จะยกอุปกรณ์ทั้งหมดลงมาทำที่ชั้น 1 ครับ
สำหรับงานที่ชั้น 1 นั้น เริ่มจากจากการเก็บงานปูนในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ขอบหน้าต่างที่ช่างยังทำไม่เรียบร้อยหรือทำความสะอาดเศษหินดินทรายต่าง ๆ นานา เสร็จแล้วผมก็เริ่มทาสีอิฐก่อนอันดับแรก เทคนิคการทาคือรอบแรกผมจะใช้สีผสมน้ำให้บางที่สุดแล้วทารองพื้นทั้งหมด เพื่อให้ทาลงไปแล้วให้เห็นเนื้ออิฐเดิม และรอบสองผมก็ผสมให้เข้มขึ้นโดยทาช่องเว้นช่องตามที่เราชอบ ส่วนรอบสามให้ผสมสีให้ทึบที่สุดเพื่อทาส่วนที่เราต้องการให้ทึบ (อันนี้ลายของสีอิฐ ขึ้นอยู่กับฟีลของเจ้าของบ้านเลยครับ)
สำหรับงานที่ชั้น 1 นั้น เริ่มจากจากการเก็บงานปูนในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ขอบหน้าต่างที่ช่างยังทำไม่เรียบร้อยหรือทำความสะอาดเศษหินดินทรายต่าง ๆ นานา เสร็จแล้วผมก็เริ่มทาสีอิฐก่อนอันดับแรก เทคนิคการทาคือรอบแรกผมจะใช้สีผสมน้ำให้บางที่สุดแล้วทารองพื้นทั้งหมด เพื่อให้ทาลงไปแล้วให้เห็นเนื้ออิฐเดิม และรอบสองผมก็ผสมให้เข้มขึ้นโดยทาช่องเว้นช่องตามที่เราชอบ ส่วนรอบสามให้ผสมสีให้ทึบที่สุดเพื่อทาส่วนที่เราต้องการให้ทึบ (อันนี้ลายของสีอิฐ ขึ้นอยู่กับฟีลของเจ้าของบ้านเลยครับ)
- หลังจากนั้นผมก็ทำผนังปูนลอฟท์ตามลำดับครับ เทคนิคคือเอาเทปกาวแปะในส่วนตามมุมหรือส่วนที่เราไม่ต้องการให้ปูนลอฟท์เลอะไปยังพื้นที่รอบ ๆ ครับ หลังจากนั้นก็ค่อยดึงออกแล้วเก็บสีครับ
- ส่วนอันนี้เป็นกำแพงอิฐ ที่ผมทำการจบกำแพงอิฐด้วยการใช้ปูนค่อย ๆ ฉาบให้เป็นเหมือนรอยกำแพงเก่าที่กำลังจะแตกครับ
- ระหว่างนั้นโซฟาที่สั่งทำกับฟูกนอนก็มาส่งตามกำหนด ซึ่งผมยังทำงานไม่เสร็จเลย เลยจำเป็นต้องเอาของกองไว้ตรงนั้นก่อน ตอนแรกคิดว่าจะง่าย ๆ น่าจะทำงานไม่นาน แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ง่ายเลยนะครับ มีต้องเก็บงานจุกจิกมากมาย
- เมื่อเก็บทั้งสีขาว ทั้งเก็บงานปูนลอฟท์เกือบเสร็จแล้วผมก็เรียกช่างปูกระเบี้ยงยางมาปูให้ครับ ช่างปูให้เร็วมากครับทั้งสองชั้นพร้อมติดบัวยางใช้เวลาครึ่งวันก็เสร็จแล้วครับ (ตอนแรกจะปูเองแล้วครับ แต่เวลาในขณะนั้นร่างกายผมเพลียมากครับ เลยจ้างดีกว่า 555)
- สักพักก็มีเฟอร์นิเจอร์มาส่งชิ้นแรกครับ ผมเลยทำการประกอบทันที เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ผมสั่งมาประกอบเองครับ ตอนนี้ก็ประกอบเสร็จแล้ว 1 ตัว อันนี้ได้มาจาก homepro ครับ
- ถึงตอนนี้งานก่อสร้างภายในทั้งหมดก็ใกล้จะเสร็จแล้วครับ ในวันต่อมาผมก็เลยไปช้อปปิ้งของเข้าบ้านอีกรอบครับ ครั้งนี้ผมได้ชุดผ้าม่านสำเร็จรูปจากอิเกียมาครับ เลยทำการติดตั้งทั้งข้างล่างมุมนั่งเล่นและห้องนอนครับ
- ระหว่างรอเฟอร์นิเจอร์ที่เหลือมาส่ง ผมก็ออกมาทำสวนหลังบ้าน สภาพเดิมปูกระเบื้องไว้ก่อนแล้ว และทำพื้นลาดไว้เพื่อระบายน้ำไว้ก่อนแล้ว แล้วก็มีต้นขนุนและวัชพืชรกร้างอยู่ใต้ต้นขนุนด้วยครับ
- แล้วมาดูสวนที่ผมอยากได้ เป็นสวนหินที่ดูแลง่ายและดูอบอุ่นครับ
- เริ่มกันเลยครับ โดยพื้นที่หลังบ้านผมเริ่มจากกำหนดเขตพื้นที่ซักล้างกับพื้นของสวนหย่อมก่อน หลังจากนั้นก็ก่ออิฐขึ้นมาและทำช่องเพื่อทางระบายน้ำ เสร็จแล้วผมก็นำอิฐมวลเบามาก่อที่ริมกำแพงทั้งสองข้างเพื่อเป็นกระถางต้นไม้เพื่อปลูกไม้พุ่มริมรั้ว ขั้นตอนต่อไปผมก็ออกไปซื้อดิน ต้นไม้ หินศิลาแลง หินปูสนาม และผ้าสแลน
- ซื้อเสร็จก็เริ่มจากผมทาสีกำแพงก่อนครับผมเลือกทาสีเทาครับ กะว่าจะทาให้เป็นอารมณ์ลอฟท์ แต่กลับออกมาเละ ๆ แบบนี้ครับ 555 ขั้นตอนต่อไปคือถมพื้นด้วยดินก่อนตามแนวที่ก่ออิฐไว้แล้วก็ปูผ้าสแลนบนดิน เพื่อเวลาปูหินแล้วไม่ให้หินจมลงดินในตอนหน้าฝน แล้วก็วางศิลาแลง ปูหินก่อสร้างไปตามร่องเพื่อให้ได้ระดับ หลังจากนั้นก็ปูหินสนามสีขาวมาทับหน้าอีกทีครับ พอเสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปคือลงดินเพื่อปลูกต้นไม้และจัดแต่งให้สวยงามตามลำดับ
ถึงขั้นตอนนี้ผมขออนุญาตพาเพื่อน ๆ ไปถึงตอนที่งานเสร็จเกือบจะสมบูรณ์เลยนะครับ เนื่องด้วยว่าถึงขั้นตอนนี้ผมทำคนเดียว ไม่ได้มีเวลาถ่ายรูป และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องถ่ายรูปเผื่อไว้สำหรับรีวิวด้วยครับ แต่ว่าผมจะพยามยามอธิบายตามรูปที่ประกอบแล้วกันนะครับ (ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
เริ่มจากมุมนั่งเล่นก่อนเลยครับ เป็นมุมนั่งเล่นเล็ก ๆ ครับ
ถึงขั้นตอนนี้ผมขออนุญาตพาเพื่อน ๆ ไปถึงตอนที่งานเสร็จเกือบจะสมบูรณ์เลยนะครับ เนื่องด้วยว่าถึงขั้นตอนนี้ผมทำคนเดียว ไม่ได้มีเวลาถ่ายรูป และผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องถ่ายรูปเผื่อไว้สำหรับรีวิวด้วยครับ แต่ว่าผมจะพยามยามอธิบายตามรูปที่ประกอบแล้วกันนะครับ (ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ)
เริ่มจากมุมนั่งเล่นก่อนเลยครับ เป็นมุมนั่งเล่นเล็ก ๆ ครับ
- ผมซื้อกรอบรูปจากอิเกียและผมก็ทำไฟล์รูปกวางมาใส่กรอบตกแต่งให้มุมนั่งเล่นดูน่ารักขึ้น โดยมีต้นมอนสเตอร่ากับเฟิร์นเปรูทำให้ดูร่มรื่นและมีความเป็นทรอปิคอลขึ้นครับ ส่วนชั้นวางของมุมนั่งเล่นก็ซื้อจากอิเกียแล้วเอามาทาสีดำที่ขาเพื่อให้มันรับกับเพดานสีดำพร้อม
- ตกแต่งด้วยพร็อพโชว์ต่าง ๆ 70% เป็นของที่ผมมีสะสมอยู่แล้วครับ นอกนั้นก็ซื้อเพิ่มบ้าง เหตุที่ผมเอาชั้นวางของกั้นไว้เพราะผมอยากจะแบ่งพื้นที่โต๊ะอาหารกับพื้นที่นั่งเล่นให้เป็นสัดส่วนครับ
มาถึงพื้นที่โต๊ะอาหารครับ
มาถึงพื้นที่โต๊ะอาหารครับ
- พื้นที่ตรงนี้ก็จะมีโต๊ะอาหารที่ผมทำเองครับ โดยการซื้อขาเหล็กสำเร็จมายึดกับท็อปไม้ลัง และขัดไม้ลงทาน้ำยากันปลวกเชื้อราให้เรียบร้อย แลัวผมก็ซื้อสีย้อมไม้สีขาวจากอิเกียมาทาเพื่อให้เข้ากับบ้านครับ ส่วนกรอบรูปสามอันที่ติดผนังผมซื้อกรอบรูปมือสองมาซ่อมและพ่นสีใหม่ ตกราคากรอบละ 30 บาทเท่านั้นครับ ส่วนรูปภาพผมจ้างพรินต์อิงค์เจ็ตสติ๊กเกอร์แล้วมาแปะลงบนแผ่นพลาสวูด หนา 5 มิลลิเมตร ครับ
มาดูมุมทางเข้าบ้างครับ
มาดูมุมทางเข้าบ้างครับ
- อันนี้ผมแบ่งพื้นที่เพื่อให้เป็นทางเดินเข้าบ้านครับ เพราะเวลาผมนั่งเล่นดูทีวีผมไม่อยากให้ใครเดินผ่านทีวีครับผมจึงจัดโซฟาให้มีทางเดินแบบนี้ครับ แล้วอีกอย่างก็จะเป็นที่จอดจักรยานผมด้วยครับ สำหรับชั้นวางหกเหลี่ยม ผมใช้แผ่นพลาสวูดนำมาต่อกันเป็นหกเหลี่ยม หลังจากนั้นก็พ่นสีแล้วนำแผ่นลามิเนตลายไม้มาติดภายนอกอีกทีครับ ส่วนต้นไม้ที่เห็นเป็นของปลอมครับ
ส่วนนี้เป็นห้องน้ำชั้นล่าง
ส่วนนี้เป็นห้องน้ำชั้นล่าง
- อันนี้ผมแค่ปูกระเบื้องยังไม่ได้คิดจะตกแต่งเพิ่มเพราะยังคิดไม่ออกบวกกับเงินหมดด้วยครับ คือต้องยอมสารภาพเลยครับว่าห้องน้ำทั้งชั้น 1 และชั้น 2 เป็นอะไรที่ผมวางแผนน้อยที่สุดเลยครับ เพราะด้วยเงินและประสบการณ์ที่ไม่ค่อยมี ทำให้ห้องน้ำผมทำได้แค่ปูกระเบื้อง เปลี่ยนประตู และก็หารูปมาติดตกแต่งแค่นั้นเองครับ
อันนี้เป็นพื้นที่ครัวครับ
อันนี้เป็นพื้นที่ครัวครับ
- สิ่งที่ทำเพิ่มก็มีชั้นวางอันนี้ที่เป็นราง AA เอามาเจาะยึดกับผนังและก็เอาแผ่นไม้ลังมาทากันปลวกและเชื้อรา แล้วนำมาทาสีย้อมไม้อีกทีครับและนำไปยึดกับรางที่มีอยู่ครับ ส่วนที่แขวนกระทะผมซื้อชุดท่อประปาเหล็กมาตัดทำเป็นราวแขวนครับ ส่วนช่องเก็บของใต้ซิงค์ครัวผมคิดว่าจะทำเป็นประตูปิดในภายหลังครับ
ตรงนี้เป็นมุมอ่านหนังสือครับ
ตรงนี้เป็นมุมอ่านหนังสือครับ
- วิธีการทำโต๊ะเหมือนกันกับโต๊ะอาหารเลยครับ มีชั้นวางเก่าจากที่บ้านเดิมแล้วเอาแผ่นสติ๊กเกอร์ลายไม้มาแปะอีกทีเพื่อให้กลมกลืน ส่วนชั้นวางผมเอากระเป๋าเดินทางวินเทจที่เป็นพร็อพเก่ามาวางตั้งเพื่อเป็นที่วางของจุกจิกครับ
- อันนี้เป็นมุม Display ที่ทางพักบันไดครับ กว่า70% ผมใช้พร็อพเก่าที่ผมมีอยู่มาจัดใหม่ครับ
มาดูที่ห้องนอนครับ
มาดูที่ห้องนอนครับ
- หลังจากการที่ผมได้ปูกระเบื้องยางห้องนอนเสร็จ ผมก็นำไม้พาเลทมาล้างมาขัดหน้าไม้ และต้องเคลือบด้วยน้ำกันเชื้อราก่อนนะครับ หลังจากนั้นผมก็เอามาเคลือบยูรีเทนแบบด้านอีกรอบ เสร็จแล้วก็นำมาวางเรียงและวางที่นอนตามลำดับ แค่นี้ก็ได้เตียงเก๋ ๆ แล้วครับ แต่ขอแนะนำนะครับว่าถ้าจะทำแนวนี้ต้องขยันดูดฝุ่นหน่อย เพราะเตียงไม้พาเลทค่อนข้างจะเก็บฝุ่นพอสมควร ส่วนรูปภาพผมก็ใช้กรอบรูปของเก่าที่มี และก็ซื้อกรอบมือสองมีทั้งกรอบลอยและกรอบแบนเอามาแปะ ๆ สลับกันครับ
- ส่วนอันนี้เป็น Display ตกแต่งในห้องนอนครับ มุมนี้มาจากพร็อพเหลือ ๆ ที่ซื้อต่อจากออฟฟิศครับ บวกกับของที่มีสะสมเองอยู่แล้วด้วย ส่วนนาฬิกาแขวนอันนี้เหมือนกันกับที่ชั้น 1 เลยครับ เพราะเป็นนาฬิกาเหลือ ๆ สมัยตอนที่ผมทำนาฬิกาขายครับ
ส่วนอันนี้เป็นมุมของเล่นของผมเองครับ อิอิ
ส่วนอันนี้เป็นมุมของเล่นของผมเองครับ อิอิ
- ต้นไม้ที่ใช้ในห้องนอนส่วนมากผมจะใช้ต้นไม้ฟอกอากาศทั้งนั้นครับ ผมจะเลือกต้นที่สามารถปลูกในห้องนอนได้ครับ เพื่อน ๆ ลองปลูกดูสิครับตื่นตอนเช้ามันสดชื่นจริง ๆ
อันนี้เป็นห้องน้ำชั้นสองครับ
อันนี้เป็นห้องน้ำชั้นสองครับ
- ส่วนของห้องน้ำผมได้แยกพื้นที่เปียกกับแห้งไว้ด้วยครับ โดยใช้ม่าน PVC ครับ และก็ตกแต่งด้วยการใส่กรอบรูปนิดหน่อย กรอบรูปอันนี้ก็ทำเองจากเศษไม้และต้นไม้ปลอมที่เหลือ ๆ ครับ เพราะเริ่มจะหมดเงินแล้วครับ 555
หลังจากภายในบ้านรวม ๆ เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้วผมก็ได้แยกเข้ามาอยู่เลยครับ กะว่าจะอยู่ไปทำไปแต่แล้วผมก็หางานให้ตัวเองเพิ่มอีกแล้ว และจะเห็นได้ว่าผมจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดจะไม่ค่อยมีบิวต์อินใด ๆ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาครับ เพื่อการใช้งานที่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตครับ
ผมสังเกตว่ายังมีกระเบื้องยางเหลืออยู่และผมก็เห็นว่าโรงรถมันยังเก่าอยู่เลยครับ ผมเลยคิดและสังเกตว่าพื้นที่โรงรถมีแดดส่องแค่ตอนช่วงเช้า และสาย ๆ ก็ไม่มีแดดแถมยังไม่มีฝนสาดเข้าถึงด้วย ผมว่ามันเหมาะแก่การบุผนังกระเบื้องยางจริง ๆ ครับ ผมไม่รอรีครับเริ่มจากผมวัดและคำนวณผนังเพื่อคำนวณกระเบื้องยางครับ (มีต้องซื้อเพิ่ม 2 ตารางเมตร) หลังจากนั้นผมก็ทาสีทั้งกำแพงและเพดานให้เรียบร้อยก่อนครับ เสร็จแล้วผมก็ไปซื้อกาว (ผมใช้เป็นกาวยางนะครับ) หลังจากของทุกอย่างพร้อมแล้วผมก็เริ่มจากการทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อย
หลังจากภายในบ้านรวม ๆ เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้วผมก็ได้แยกเข้ามาอยู่เลยครับ กะว่าจะอยู่ไปทำไปแต่แล้วผมก็หางานให้ตัวเองเพิ่มอีกแล้ว และจะเห็นได้ว่าผมจะตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดจะไม่ค่อยมีบิวต์อินใด ๆ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาครับ เพื่อการใช้งานที่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตครับ
ผมสังเกตว่ายังมีกระเบื้องยางเหลืออยู่และผมก็เห็นว่าโรงรถมันยังเก่าอยู่เลยครับ ผมเลยคิดและสังเกตว่าพื้นที่โรงรถมีแดดส่องแค่ตอนช่วงเช้า และสาย ๆ ก็ไม่มีแดดแถมยังไม่มีฝนสาดเข้าถึงด้วย ผมว่ามันเหมาะแก่การบุผนังกระเบื้องยางจริง ๆ ครับ ผมไม่รอรีครับเริ่มจากผมวัดและคำนวณผนังเพื่อคำนวณกระเบื้องยางครับ (มีต้องซื้อเพิ่ม 2 ตารางเมตร) หลังจากนั้นผมก็ทาสีทั้งกำแพงและเพดานให้เรียบร้อยก่อนครับ เสร็จแล้วผมก็ไปซื้อกาว (ผมใช้เป็นกาวยางนะครับ) หลังจากของทุกอย่างพร้อมแล้วผมก็เริ่มจากการทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อย
- เสร็จแล้วก็จะเป็นแบบนี้ครับ
ถ้าเพื่อน ๆ ยังนึกภาพรวม ๆ ไม่ออกว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ผมจะทำรูปสรุปให้ดูอีกครั้งดังนี้ครับ
ถ้าเพื่อน ๆ ยังนึกภาพรวม ๆ ไม่ออกว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ผมจะทำรูปสรุปให้ดูอีกครั้งดังนี้ครับ
อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้แม้ผมจะได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว แต่งานของผมก็ยังไม่จบครับ การรีวิวบ้านครังนี้เป็นการรีวิวบ้านเสร็จ 90% ครับ เพราะตอนนี้ถึงบ้านภายในจะดูเป็นที่น่าพอใจ แต่สำหรับผมแล้ว หน้าบ้านยังดูเป็นบ้านเก่าอยู่เลยครับ ซึ่งผมตั้งงบไว้แค่ 2,000 บาทเท่านั้นครับ ถ้ายังไงถ้าผมมีโอกาสรีวิวการทำหน้าบ้าน ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้ชมอีกรอบ ขอบคุณที่ติดตามครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณ สมาชิกหมายเลข 5177000 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณ สมาชิกหมายเลข 5177000 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม