7 ท็อปเปอร์ที่นอน นุ่ม สบาย ราคาหลักพัน พร้อมเคล็ดลับเลือกซื้อ
ท็อปเปอร์ ยี่ห้อไหนดี ? ส่องพรีวิว 7 ท็อปเปอร์ที่นอน (Mattress Topper) นุ่ม ดี มีประสิทธิภาพ รองรับสรีระ ราคาไม่เกินหลักพัน พร้อมวิธีซื้อ Topper

เมื่อพูดถึง ห้องนอน นอกจากเครื่องนอนอย่าง เตียง ฟูก หมอน หมอนข้าง และผ้าห่มแล้ว ทุกวันนี้หลายคนยังนิยมใช้ ท็อปเปอร์ เสริมบนที่นอนอีกด้วย เพราะช่วยเสริมการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ ช่วยคลายอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้มากขึ้น อ๊ะ ๆ ๆ ว่าแต่สงสัยกันมั้ยคะว่าความจริงแล้วท็อปเปอร์ที่นอนคืออะไร ทำไมต้องใช้ เลือกซื้อยังไง ยี่ห้อไหนดีบ้าง ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับของใช้ในบ้าน ชนิดนี้มาฝากกันแล้วค่ะ
ท็อปเปอร์คืออะไร
ท็อปเปอร์ (Topper) คือ แผ่นรองที่นอน เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะการใช้งานตามชื่อ ซึ่งก็วางทับบนที่นอนเพื่อเพิ่มความหนา เพิ่มการรองรับสรีระ และเพิ่มการรองรับแรงกระแทก ปัจจุบันทำมาจากหลายวัสดุ แถมยังมีความหนา ความแน่น และความนุ่มให้เลือกมากมายด้วย
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติก็ต่างจากผ้ารองกันเปื้อน (Mattress Pads) ที่เป็นแผ่นคลุมบาง ๆ เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิบนที่นอน และป้องกันของเหลว เช่น น้ำ เลือด รวมถึงคราบสกปรก สารก่อภูมิแพ้ และไรฝุ่น แทรกซึมเข้าที่นอนด้วย เพราะทั้งสองอย่างใช้วางทับบนที่นอนเหมือนกัน แถมบริษัทผู้ผลิตบางแห่งก็ยังเรียกชื่อรวมกันด้วย โดยมีจุดสังเกตความแตกต่างอยู่ คือ ผ้ารองกันเปื้อนจะบางกว่าท็อปเปอร์ เนื่องจากจุดประสงค์หลักคือใช้ป้องกันคราบสกปรก แม้จะเพิ่มคุณสมบัติด้านการรองรับขึ้นมา แต่ก็ไม่หนาและนอนสบายเท่าแผ่นรองที่นอนอยู่ดี ทั้งนี้ เราสามารถใช้แผ่นรองที่นอนและผ้ารองกันเปื้อนควบคู่กันไปได้ โดยจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการนอนและการปกป้องที่นอนเลยทีเดียว
ประโยชน์ของท็อปเปอร์
ประโยชน์ของท็อปเปอร์ หรือแผ่นรองที่นอน คือ ช่วยเพิ่มความหนานุ่มและยืดหยุ่นมากกว่าการใช้ที่นอนเพียงอย่างเดียว ช่วยให้รู้สึกสบายในการพักผ่อนและเสริมการรองรับสรีระร่างกายได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ท็อปเปอร์ยังโดดเด่นเรื่องการรองรับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้ท็อปเปอร์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่นอนยุบ เพราะความจริงแล้วแค่ช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ ท็อปเปอร์ก็ยังช่วยเสริมในกรณีที่ที่นอนใหม่แข็งหรือนุ่มเกินไปอีกต่างหาก โดยจะทำหน้าที่เป็นเบาะช่วยปรับให้เหมาะสมกับความต้องการ และท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมหรือลาเท็กซ์ยังมีดีตรงที่ช่วยลดอาการปวดข้ออักเสบหรืออาการบาดเจ็บเกี่ยวกับโครงกระดูกได้ด้วย
วิธีเลือกซื้อท็อปเปอร์

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อท็อปเปอร์มาช่วยเสริมการนอน มีดังนี้
1. ราคา : ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณา อย่าคิดว่าแพงจะดี อย่าคิดว่าถูกจะคุ้ม ให้เลือกราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่จ่ายไหวและเหมาะสมกับคุณภาพเป็นหลัก
2. การรองรับสรีระ : ควรเช็กว่ามีการรองรับสรีระหรือลดอาการปวดหลังไหม ซึ่งส่วนใหญ่ท็อปเปอร์ทำจากเมมโมรี่โฟมและยางพาราจะมีความโดดเด่นเรื่องนี้มากที่สุด
3. ความนุ่มสบาย : แต่ละคนมีความชอบต่างกัน ซึ่งทุกวันนี้ก็มีความนุ่มและความสบายของท็อปเปอร์ให้เลือกหลากหลาย โดยถ้าใครชอบวัสดุที่นุ่มตามธรรมชาติ จะเหมาะกับท็อปเปอร์ขนเป็ด ขนห่าน หรือใยฝ้าย ถ้าใครชอบวัสดุที่รองรับกับสรีระได้ดี ให้เลือกท็อปเปอร์ที่ผลิตจากเมมโมรี่โฟมหรือยางพารา
4. ความหนาและความแน่น : ปกติแล้วท็อปเปอร์จะหนาประมาณ 2-8 นิ้ว ฉะนั้นใครชอบหนามาก หนาน้อย ก็สามารถเลือกตามสะดวก โดยจะมีความแตกต่างกัน คือ
- ความหนา 1-2 นิ้ว : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความนุ่มสบายและรองรับสรีระเล็กน้อย
- ความหนา 3 นิ้ว : เป็นตัวเลือกพื้นฐานและยอดนิยม ให้ความนุ่มนวลปานกลางและรองรับสรีระค่อนข้างดี
- ความหนา 4 นิ้ว : เน้นการรองรับสรีระร่างกายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครมีน้ำหนักค่อนข้างมาก นอนตะแคงเป็นประจำ หรืออยากยืดอายุการใช้งานที่นอนให้นานขึ้น ขอแนะนำให้เลือกความหนาเยอะไว้จะดีที่สุด นอกเหนือจากนี้อย่าลืมเช็กความแน่นด้วย เพราะมีส่วนช่วยในการรองรับสรีระเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่ความแน่นจะอยู่ระหว่าง 2-6+ ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต ยิ่งหนามากก็ยิ่งแพงมาก แต่ก็ใช้งานได้ยาวนานและรองรับร่างกายได้ดี ตัวอย่างเช่น
- ความแน่น 3 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : ให้ความนุ่มสบาย น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย แต่รองรับน้อย ยุบค่อนข้างเร็ว
- ความแน่น 4-5 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : เป็นตัวเลือกที่พื้นฐาน โดดเด่นทั้งความนุ่มสบายและการรองรับร่างกาย
- ความแน่น 6 ปอนด์ต่อลูกบาศก์ฟุต : เข้ากับรูปร่างดี รองรับร่างกายเยี่ยม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย
5. เสียงรบกวน : ท็อปเปอร์หลายรุ่นสามารถลดเสียงรบกวนเวลาคนที่นอนข้าง ๆ ขยับตัวได้
6. การเก็บความร้อน : เพราะท็อปเปอร์มีทั้งความหนาและแน่น จึงส่งผลต่ออุณหภูมิของที่นอนด้วย โดยท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมและยางพาราจะกักเก็บความร้อนสูง จึงไม่ค่อยเหมาะกับเมืองร้อนสักเท่าไร ในขณะที่ท็อปเปอร์ที่ทำจากขนสัตว์ ขนเป็ด ขนห่าน จะเพิ่มความอุ่นในฤดูหนาว และลดความร้อนในฤดูร้อน จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
7. อาการแพ้ : วัสดุที่ใช้ทำท็อปเปอร์มีทั้งชนิดที่เหมาะกับผู้เป็นภูมิแพ้และไม่เหมาะกับผู้เป็นภูมิแพ้ ดังนั้นควรสอบถามให้รอบคอบก่อนเลือกซื้อ
8. การเคลื่อนย้ายและการทำความสะอาด : เราต้องยกทำความสะอาดท็อเปอร์เป็นประจำ ดังนั้นน้ำหนักจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เพราะถ้าหนักมากก็จะเคลื่อนย้ายยาก ถ้าหนักน้อยก็จะเคลื่อนย้ายง่าย นอกจากนี้ใครที่เคยสงสัยว่า ที่นอนท็อปเปอร์ซักได้ไหม ซักยังไง คำตอบก็คือ ซักได้ โดยส่วนใหญ่ให้ซักด้วยมือ มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ซักเครื่องได้ ส่วนประเด็นซักบ่อยแค่ไหน ให้ขึ้นอยู่กับคราบสกปรก เวลาว่าง และความสะอาดส่วนบุคคลได้เลย
9. การรับประกันและบริการหลังการขาย : เช็กว่าเมื่อซื้อไปแล้วดูแลเรื่องอะไรบ้าง ระยะเวลาครอบคลุมเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่ท็อปเปอร์จะมีประกันประมาณ 2 ปี ไม่ก็ตั้งแต่ 1-10 ปี
1. ท็อปเปอร์ยางพารา
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากน้ำยางในต้นยางพารา โดยมีทั้งแบบยางพาราธรรมชาติ ยางพาราสังเคราะห์ และทั้งสองแบบผสมกัน ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่ชอบความนุ่ม ในปัจจุบันได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
ข้อดี
- ความหนาแน่นของวัสดุสูงมากแต่ก็ยังนุ่มสบาย
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- ร้อนแต่ไม่เท่าท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟม
- มีความยืดหยุ่นและความสบายตัวสูง
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- รองรับร่างกายดี บรรเทาอาการปวดข้อต่อหรือร่างกายได้
- ยางพาราธรรมชาติจะป้องกันไรฝุ่นและจุลินทรีย์ได้ดี รวมถึงลดอาการภูมิแพ้ด้วย
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- ไม่เหมาะกับคนแพ้ยางพารา
- ค่อนข้างหนักและเคลื่อนย้ายยาก
- อาจจะมีกลิ่นยางรบกวนเมื่อเริ่มใช้
- อาจจะร้อนมากในช่วงฤดูร้อน (ถ้าไม่ได้ใช้ท็อปเปอร์ยางพาราที่มีคุณภาพสูง)
2. ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟม
เป็นท็อปเปอร์ฟองน้ำที่ดีที่สุด ผลิตมาจากโพลียูรีเทนเพิ่มความหนาแน่นทางเคมี มีความหนาและความแน่นให้เลือกหลากหลาย ขึ้นชื่อเรื่องความสบาย จึงได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้เพราะที่นอนเมมโมรี่โฟมยังมีราคาแพงเกินไป เลยทำให้คนหันมาใช้ท็อปเปอร์เมมโมรี่โฟมแทนกันเยอะขึ้น
ข้อดี
- รองรับสรีระได้ดี
- มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวช้า
- เลือกความหนาแน่นที่ชอบได้
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- บรรเทาอาการปวดข้อต่อ หลัง หรือกล้ามเนื้อ
- รองรับร่างกายและน้ำหนักดี ช่วยให้นอนหลับสบายและผ่อนคลาย
ข้อเสีย
- ราคาแพง
- กักเก็บความร้อนสูง
- อาจจะมีกลิ่นเคมีรบกวนเมื่อเริ่มใช้
3. ท็อปเปอร์ขนสัตว์
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากขนสัตว์ มีความเป็นธรรมชาติสูง แถมยังมีคุณภาพ ความหนาแน่น และราคาให้เลือกหลากหลาย
ข้อดี
- นุ่ม สบาย เป็นธรรมชาติ
- เหมาะกับการใช้งานทุกฤดู
- เคลื่อนไหวบนเตียงสะดวก
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เหมือนวัสดุสังเคราะห์
- ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องตัวเรือด ไรสัตว์ หรือจุลินทรีย์
ข้อเสีย
- หายาก
- ราคาสูง
- อาจจะมีกลิ่นรบกวนเมื่อเริ่มใช้
- รองรับการกระแทกไม่เท่าเมมโมรี่โฟม
4. ท็อปเปอร์ขนเป็ด ขนห่าน หรือขนนก
เป็นท็อปเปอร์ที่ผลิตมาจากขนสัตว์ มีความเป็นธรรมชาติสูง ลักษณะคล้ายกับผ้านวม โดดเด่นเรื่องความนุ่มสบาย แต่ไม่ค่อยรองรับสรีระ จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความแน่นกระชับหรือคนแพ้ขนสัตว์ปีก
ข้อดี
- นุ่ม สบาย เหมือนผ้านวม
- เคลื่อนไหวบนเตียงสะดวก
- ลดเสียงรบกวนจากคนนอนข้าง ๆ
- แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน
- ไม่กักเก็บความร้อน เหมาะกับการใช้งานทุกฤดู
- ราคาปานกลาง ถูกกว่าท็อปเปอร์ยางพาราและเมมโมรี่โฟม
ข้อเสีย
- เสี่ยงจะมีขนหลุดออกมาได้
- ขนมักจะจับตัวเป็นก้อนเมื่อใช้ไปสักพัก
- ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการแพ้ขนสัตว์ปีก
- ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการท็อปเปอร์ที่กระชับเพื่อลดการปวดเมื่อยร่างกาย
5. ท็อปเปอร์ใยฝ้ายและใยสังเคราะห์
เป็นท็อปเปอร์ที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน วัสดุมีทั้งใยฝ้าย ใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ รวมถึงใยฝ้ายผสมใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์และอื่น ๆ ราคาแตกต่างกันไปตามคุณภาพ เหมาะกับคนชอบขนสัตว์แต่มีอาการแพ้
ข้อดี
- นุ่ม สบาย
- ราคาไม่แพง
- ไม่มีกลิ่นรบกวน
- ทำความสะอาดง่าย
- มีตัวเลือกเยอะตั้งแต่ใยสังเคราะห์ไปจนถึงใยธรรมชาติ
ข้อเสีย
- ไม่ทนเท่ากับวัสดุอื่น
- เก็บความร้อนพอสมควร
- เป็นก้อนและยุบตัวเมื่อใช้ไปสักระยะ
- รองรับสรีระ น้ำหนัก และการกระแทกไม่มาก
- หากเลือกใช้ใยฝ้ายคุณภาพสูง ก็อาจจะมีราคาแพงได้
ท็อปเปอร์ที่นอนมีราคาแตกต่างกันไปตามวัสดุ ขนาด และยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณพันต้น ๆ ถึงหมื่นต้น ๆ ค่ะ
1. ท็อปเปอร์ Ikea รุ่น TALGJE (ทัลเย่)

ภาพจาก ikea
ท็อปเปอร์ไส้โฟมโพลียูรีเทน 25 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หุ้มผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ ใช้วางทับบนที่นอนเพื่อเพิ่มความนุ่ม ช่วยให้หลับสบายตลอดคืน พร้อมยืดอายุการใช้งานของที่นอนให้ยาวออกไป ผิวสัมผัสหน้าเบาะยืดหยุ่น เคลื่อนไหวเมื่อร่างกายขยับ ตัวผ้าถอดออกง่าย ซักในเครื่องได้ น้ำหนักเบา และเคลื่อนย้ายสะดวก มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 90x200 เซนติเมตร และ 150x200 เซนติเมตร ความหนา 3.5 เซนติเมตร ราคาเริ่มต้น 1,990-2,990 บาท
2. ท็อปเปอร์ Index Living Mall รุ่น เอสเซนเชียล

ภาพจาก indexlivingmall
ท็อปเปอร์ใยสังเคราะห์ ผลิตจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพเยี่ยม 100% ช่วยให้ที่นอนนุ่มแน่น นอนสบาย ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยลวดลายสวยงาม บุเนื้อแบบสลับฟันปลา ทำให้รองรับสรีระร่างกายเป็นอย่างดี ช่วยป้องกันสิ่งสกปรกเลอะที่นอน และช่วยยืดอายุการใช้งานที่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ มีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 180X200 เซนติเมตร ความหนา 2.5 เซนติเมตร และ 100x200 เซนติเมตร ความหนา 5 เซนติเมตร ราคาเริ่มต้น 1,990 บาท
3. ท็อปเปอร์ Dunlopillo รุ่น Firma Latex

ภาพจาก dunlopillo
ท็อปเปอร์ยางพารา หุ้มผ้า Dunlopillo Design Cotton – Blend Fabric ที่นำเข้าจากอังกฤษ ทำจากกรรมวิธีเฉพาะ ช่วยให้เนื้อแน่นรองรับส่วนเว้าโค้งได้ดี ปรับเปลี่ยนรูปทรงตามธรรมชาติของสรีระ และเสริมระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย อีกทั้งเนื้อผ้ายังให้ผิวสัมผัสนุ่มสบาย ระบายอากาศเยี่ยม ช่วยเสริมการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 2-4 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 1,990-7,990 บาท
4. ท็อปเปอร์ Lotus รุ่น Companion I

ภาพจาก lotusmattress
ท็อปเปอร์โฟมยางพาราธรรมชาติ อัดแน่นพิเศษ 25 มิลลิเมตร จากประเทศเบลเยียม ด้วยลิขสิทธิ์ MicroLatex® เฉพาะของโลตัส โดดเด่นด้วยคุณสมบัติ Push Back Support ลดแรงกดทับและกระจายน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมหุ้มด้วยเส้นทอผสมเส้นใยธรรมชาติ เคลือบสารเพื่อสุขภาพ ยับยั้งไรฝุ่น ป้องกันภูมิแพ้ คืนความชุ่มชื้นให้ผิว และให้สัมผัสแน่นแต่นุ่ม เหมาะสำหรับเพิ่มความสบายให้ที่นอนเก่า เสริมระดับที่นอนเดิมให้สูงขึ้น มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 2 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 2,999-3,990 บาท
5. ท็อปเปอร์ Pisanus รุ่นนุ่มแน่น

ภาพจาก pisanusthailand
ท็อปเปอร์เส้นใยไมโครเจล เส้นใยพิเศษขนาดเล็กที่มาพร้อมสัมผัสนุ่ม ยืดหยุ่นสูง ไม่ฟุ้งกระจาย ที่สำคัญถ่ายเทน้ำหนักดี รับแรงกดทับเยี่ยม ช่วยรองรับสรีระร่างกายได้ถึง 7 โซน ทำให้นอนหลับสบาย ไม่ปวดหลัง ปวดเมื่อย และแนวเส้นของลำตัวอยู่แนวตรงทุกท่านอน นอกจากนี้ยังหุ้มด้วยผ้าที่ระบายอากาศดี ทำให้ไม่ร้อน ไม่สะสมไรฝุ่น แข็งแรง ทนทาน มีสายรัดมุม ซักในเครื่องได้ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีฟ้าคราม มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 3 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 3,190-3,690 บาท
6. ท็อปเปอร์ Lazy Cat รุ่นคลาสสิก
ท็อปเปอร์ขนห่านเทียมสไตล์ญี่ปุ่น ผลิตจากใยไมโครไฟเฟอร์ 7D ชนิดพิเศษ หุ้มด้วยผ้าใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ Super Soft ให้ผิวสัมผัสนุ่มนิ่ม ยืดหยุ่น ระบายความร้อนดี ไม่ระคายเคืองผิว ป้องกันไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ แถมคืนตัวสูงและรองรับน้ำหนักเยี่ยม ช่วยแก้ปัญหาการนอนต่าง ๆ ทำให้หลับสบาย คลายอาการปวดหลัง ปวดเอว มีการโค้งเว้ารับสรีระร่างกาย ช่วยอุดช่องว่างระหว่างที่นอนกับหลังและเอว มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ราคาเริ่มต้น 3,380-3,780 บาท
7. ท็อปเปอร์ Luxury Micro Crimp Mattress Topper

ภาพจาก luxury2001
ท็อปเปอร์เส้นใยไมโครคลิมป์ผสมเส้นใยฝ้าย หุ้มด้วยผ้าฝ้าย 100% โดดเด่นเรื่องผิวสัมผัสนุ่ม ทำให้หลับสบายตลอดทั้งคืน แถมยังรองรับสรีระร่างกายดีแม้พลิกตัว ถอดซักทำความสะอาดง่าย ช่วยยืดอายุการใช้งานของที่นอนออกไปได้ และวัสดุระบายอากาศเยี่ยม จึงไม่ก่อให้เกิดไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 3.5 ฟุต 5 ฟุต และ 6 ฟุต ความหนา 2.5 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 5,990-8,990 บาท
ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีไว้ในห้องนอนจริง ๆ เอาเป็นว่าใครอยากหลับสบาย ผ่อนคลายร่างกาย ก็ลองศึกษาข้อมูลเหล่านี้ แล้วตามไปหาซื้อกันดูนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก homeguru.homepro, nosleeplessnights และ thespruce