อยากลองปลูกผักไว้กินเอง และมีรั้วสวย ๆ ไปในตัว มาดู ผักสวนครัวปลูกริมรั้ว 10 ชนิด พร้อมวิธีปลูกผักไว้ลองทำเอง !

ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับสารพิษตกค้างที่มากับผักแล้วละก็ วันนี้เรารวมวิธีปลูกผักสวนครัวริมรั้ว 10 ชนิดมาฝาก พร้อมวิธีปลูกผักสวนครัวแต่ละชนิด บอกเลยว่านอกจากจะทำรั้วต้นไม้สวย ๆ ได้แล้ว ผักแต่ละชนิดยังเต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย แถมปลูกง่ายอีกต่างหาก
1. กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียว (Okra) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Abelmoschus esculentus L. Moench. เป็นไม้ยืนต้น อายุประมาณ 1 ปี ความสูงของลำต้นประมาณ 40 เซนติเมตร - 2 เมตร มีขนอ่อน ๆ ตลอดทั้งลำต้น ใบกว้างเป็นแฉก มีดอกสีเหลือง มีทั้งฝักแบบกลมและแบบเหลี่ยมขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สามารถปลูกไว้กินได้ตลอดทั้งปี โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน สามารถระบายน้ำได้ดี เก็บความชื้นได้เล็กน้อย โดยการนำดินไปผสมกับวัสดุปลูก เช่น ปุ๋ยคอก มูลสัตว์ และปูนขาว หมั่นรดน้ำอย่างน้อยวันละครั้ง ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 40 วัน หรือออกฝักยาว 4-9 เซนติเมตร
2. กระถิน

กระถิน (White Popinac) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Leucaena leucocephala (Lamk.) de Wit ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ใบประกอบแบบขนนก มีดอกออกเป็นช่อแบบกระจุกและฝักแบน นำมากินได้ทั้งฝักและยอดอ่อน หากต้องการปลูกเป็นรั้วควรปลูกพันธุ์กระถินยักษ์ เพราะมีการปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีลำต้นที่สูงกว่าพันธุ์ดั้งเดิม ปลูกได้ทั้งแบบเมล็ดหรือซื้อกล้ามาเพาะ ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำ ทนแล้งได้ดี
3. ผักหวาน

ผักหวานมี 2 ชนิด คือ ผักหวานป่า และผักหวานบ้าน โดยส่วนใหญ่จะนิยมกินผักหวานป่ามากกว่า เพราะไม่มีกลิ่นและมีรสชาติหวานมัน แต่โตช้าและปลูกยากกว่าผักหวานบ้าน อย่างไรก็ตาม ผักหวานทั้ง 2 ชนิดก็สามารถปลูกได้ทั้งการเพาะเมล็ดและปักชำ โดยเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี และปลูกในที่ที่มีแดดรำไร ไม่โดนแสงแดดจัด หมั่นรดน้ำเพื่อรักษาความชื้นในดินเอาไว้ และบำรุงดินด้วยปุ๋ยมูลสัตว์
4. เล็บครุฑ

เล็บครุฑ (Ming Aralia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Polyscias fruticosa (L.) Harms เป็นไม้พุ่มความสูง 1-2 เมตร จัดเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าปลูกแล้วจะช่วยคุ้มครองคนในบ้านจากอันตรายและสิ่งอัปมงคลต่าง ๆ และที่สำคัญยอดอ่อนของเล็บครุฑยังสามารถนำไปกินได้ ทั้งทอด ใส่แกงต่าง ๆ และกินกับน้ำพริก โดยยอดอ่อนจะมีสีเขียวเป็นใบประกอบแบบขนนก ขอบใบจักรฟันเลื่อยปลายแหลม เมื่อขยี้จะมีกลิ่นหอม มีดอกออกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็ก เติบโตได้ดีในดินร่วน พื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร และรดน้ำปานกลาง
5. กะเพรา

กะเพรา (Holy Basil) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum tenuiflorum L. ผักสวนครัวยอดฮิตที่ปลูกในหลายบ้าน เป็นไม้ล้มลุก ความสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นสีเขียวอมขาว ยอดมีขนอ่อนสีขาว ใบเดี่ยวสีเขียว ขอบใบเป็นฟันเลื่อย มีขนอ่อน ดอกสีขาวแกมม่วงแดง มีเมล็ดสีน้ำตาลดำ ปลูกได้ทั้งการปักชำกิ่งและเพาะเมล็ด แต่วิธีปักชำกิ่งจะเห็นผลไวกว่า โดยนำไปปลูกในดินร่วนผสมปุ๋ยคอก เมื่อโตเต็มที่สามารถเก็บยอดมากินได้ ไม่ควรใช้วิธีเด็ดใบ ถ้าอยากให้แตกยอดได้ดีควรหมั่นตัดยอดและดอกจะทำให้กะเพราโตไวและเก็บกินได้ทั้งปี
6. พริก

พริก (Chili) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Capsicum spp. อีกหนึ่งผักสวนครัวยอดนิยมที่ทำอาหารได้สารพัดเมนู ความสูงลำต้นประมาณ 1-2.5 เมตร เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ใบเดี่ยวปลายแหลม ออกดอกตรงง่ามใบ ดอกสีขาว เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายและพื้นที่ที่มีแดดส่องถึง เมื่อต้นโตเต็มที่ให้รดน้ำ 2 วันต่อครั้ง แต่ไม่ควรรดน้ำจนดินแฉะ
7. ตำลึง

ตำลึง (Ivy Gourd) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coccinia grandis (L.) Voigt ผักสวนครัวปลูกง่าย ลำต้นเป็นไม้เลื้อย ใบคล้ายรูปหัวใจ เติบโตได้ไวโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน มีดอกสีเหลือง และผลสีแดงเมื่อสุก เหมาะสำหรับปลูกในดินร่วนระบายน้ำได้ดี รดน้ำวันละ 2 ครั้ง และหมั่นใส่ปุ๋ยอินทรีย์เดือนละ 1-2 ครั้ง
8. ฟักเขียว

ฟักเขียว (Winter Melon) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Benincasa hispida (Thunb.) Cogn. ลักษณะเป็นไม้เลื้อยอายุสั้น มีขนอ่อนขึ้นตลอดลำต้น เมื่อต้นมีอายุประมาณ 15-20 วัน ควรทำค้างหรือร้านให้เกาะ ใบเป็นหยักคล้ายฝ่ามือ มีดอกสีเหลือง ผลกลมยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เปลือกสีเขียว เนื้อสีขาวฉ่ำน้ำ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี หมั่นรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ระวังไม่ควรให้น้ำท่วมขัง และไม่ปลูกในพื้นที่ที่มีแดดแรงเกินไป
9. มะเขือเทศ

มะเขือเทศ (Tomato) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycopersicon esculentum Mill ลำต้นตั้งตรง เป็นไม้พุ่มเตี้ยกึ่งเลื้อย ความสูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นมีสีเขียว มีขนปกคลุมทั้งต้น ใบประกอบขนาดไม่เท่ากัน ขอบใบเป็นหยักฟันเลื่อย มีขนอ่อน ๆ ดอกสีเหลืองออกตลอดทั้งปี ผลเดี่ยวมีทั้งแบบรีและแบบกลม ขนาดตั้งแต่ 3-10 เซนติเมตร ผิวเป็นมัน มีทั้งสีเหลือง สีแดง สีส้ม เนื้อฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยวเล็กน้อย แต่จะให้ผลดีในช่วงหน้าหนาว เพราะสภาพอากาศเหมาะกับการติดผล เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนผสมปุ๋ยอินทรีย์ หมั่นรดน้ำช่วง 50 วันแรก หรือช่วงที่ยังเป็นต้นกล้า แล้วค่อยลดปริมาณหลังจากต้นโตเต็มที่
10. โหระพา

โหระพา (Sweet Basil) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum basilicum L. เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ลักษณะเป็นพุ่ม ลำต้นเป็นเหลี่ยม มีกิ่งสีม่วงแดง มีขนอ่อน ๆ ใบรูปไข่ ความยาวไม่เกิน 2 นิ้ว ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย ดอกขนาดเล็กสีขาวหรือม่วง ออกเป็นทรงคล้ายฉัตร มีกลิ่นหอมทั้งต้น เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำได้ดี และมีแสงแดดส่องถึง ปลูกได้ทั้งการปักชำและเพาะเมล็ด สามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากต้นโตประมาณ 30-35 วัน โดยใช้มีดตัดยอดหรือกิ่ง หากต้องการให้ต้นโตควรหมั่นตัดช่อดอกออกเพื่อให้ต้นแตกกิ่งเพิ่มขึ้น
เรียกได้ว่าผักสวนครัวแต่ละชนิดนอกจากจะปลูกริมรั้วเพื่อความสวยงามได้แล้ว ยังสามารถผลิดอกออกใบไว้ให้เก็บกินอีกด้วย สารพัดประโยชน์มากจริง ๆ หากใครสนใจก็ลองนำไปปลูกกันดูนะคะ