ปลูกต้นไม้ลดภาษีที่ดิน ต้องปลูกพืชอะไร ทำได้จริงหรือ ? รู้ให้ชัดก่อนถูกประเมินภาษีแพง

          เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ลดภาษีที่ดิน สามารถทำได้จริงหรือไม่ มาทำความเข้าใจให้ชัด เพื่อใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก่อนถูกประเมินภาษีสูงเกินความจำเป็น
ปลูกต้นไม้ลดภาษี

          เจ้าของที่ดินจำนวนไม่น้อยอาจสงสัยว่า “ปลูกต้นไม้แล้วลดภาษีได้จริงหรือไม่” เพราะปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามกฎหมายใหม่ พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้ผู้ครอบครองที่ดินต้องเสียภาษีตามการใช้ประโยชน์ของที่ดิน หากปล่อยรกร้างไว้เฉย ๆ จะถูกเก็บในอัตราสูงสุด แต่ถ้านำพื้นที่นั้นมาทำการเกษตร เช่น ปลูกต้นไม้หรือพืชเศรษฐกิจ ก็จะช่วยให้เสียภาษีน้อยลงได้ตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 

          อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะปลูกพืชชนิดไหนหรือปลูกเท่าไรก็ได้ เพราะมีกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม เรามาศึกษาเรื่องนี้ไปพร้อมกัน แต่ก่อนอื่น…มาดูอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ควรรู้กันก่อน

เช็กอัตราภาษีที่ดิน พื้นที่แบบไหนต้องเสียเท่าไร

          ตาม พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กำหนดให้อัตราภาษีแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่

  • ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม - ไม่เกิน 0.15%

  • ที่ดินเพื่ออยู่อาศัย - ไม่เกิน 0.30%

  • ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม - ไม่เกิน 1.20%

  • ที่ดินรกร้างว่างเปล่า - ไม่เกิน 3%

          นอกจากนี้ หากปล่อยที่ดินให้รกร้างว่างเปล่าต่อเนื่องเป็นเวลานาน ภาษีจะเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี ครั้งละ 0.30% แต่ไม่เกินเพดานสูงสุด 3%
 

ภาษีที่ดิน 2568 จ่ายเท่าไหร่ สรุปอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ทำไมที่ดินรกร้างถึงเสียภาษีแพงกว่าที่ดินเกษตรกรรม

          กฎหมายฉบับนี้มีเจตนารมณ์เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์จริง แทนที่จะปล่อยรกร้างหรือเก็บไว้เก็งกำไร โดยกำหนดอัตราภาษีของที่ดินว่างเปล่าให้สูงกว่าที่ดินเกษตรกรรมหลายเท่าตัว

          ดังนั้น เจ้าของที่ดินบางรายที่มีพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ จึงเลือกปรับที่ดินว่างให้กลายเป็นพื้นที่เกษตร เช่น ปลูกต้นไม้หรือไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้เข้าข่ายเป็นที่ดินเกษตรกรรมตามนิยามของกฎหมาย ซึ่งจะเสียภาษีในอัตราต่ำสุด 0.15% แทนการเสียภาษีสำหรับพื้นที่รกร้างที่สูงถึง 3%

ปลูกต้นไม้ลดภาษี

ต้นไม้แบบไหนที่ปลูกแล้วลดภาษีที่ดินได้ และต้องปลูกกี่ต้น

          ในการปลูกต้นไม้เพื่อลดภาษีที่ดิน จะต้องเป็นการใช้ประโยชน์ในลักษณะของการประกอบเกษตรกรรมตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การทำไร่ การปลูกผัก การปลูกไม้ผลยืนต้น การปลูกสวนป่า หรือการทำสวนผสมที่มีไม้ผลและไม้ยืนต้นชนิดต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในตารางปลูกต้นไม้ลดภาษีด้านล่างนี้ ซึ่งผู้ถือครองที่ดินต้องดำเนินการปลูกและใช้พื้นที่ให้ถึงอัตราขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรม และสามารถเสียภาษีที่ดินในอัตราต่ำสุดได้
ลำดับ ชนิด (Type)

 

อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ 

(จำนวนต้น/ไร่)

1. กล้วยหอม 200
2. กล้วยไข่ 200
3. กล้วยน้ำว้า 200
4. กระท้อนเปรี้ยว 25
  พันธุ์ทับทิม 25
  พันธุ์ปุยฝ้าย 25
5. กาแฟ 170
  พันธุ์โรบัสต้า 170
  พันธุ์อราบิก้า 400
6. กานพลู 20
7. กระวาน 100
8. โกโก้ 150-170
9. ขนุน 25
10. เงาะ 20
11. จำปาดะ 25
12. จันทน์เทศ 25
13. ชมพู่ 45
14. ทุเรียน 20
15. ท้อ 45
16. น้อยหน่า 170
17. นุ่น 25
18. บ๊วย 45
19. ปาล์มน้ำมัน 22
20. ฝรั่ง 45
21. พุทรา 80
22. เสาวรส 400
23. พริกไทย 400
24. พลู 100
25. มะม่วง 20
26. มะพร้าวแก่ 20
27. มะพร้าวอ่อน 20
28. มะม่วงหิมพานต์ 45
29. มะละกอ (ยกร่อง) 100
  มะละกอ (ไม่ยกร่อง) 175
30. มะนาว 50
31. มะปราง 25
32. มะขามเปรี้ยว 25
33. มะขามหวาน 25
34. มังคุด 16
35. ยางพารา 76
36. ลิ้นจี่ 20
37. ลำไย 20
38. ละมุด 45
39. ลางสาด 45
40. ลองกอง 45
41. ส้มโอ 45
42. ส้มเกลี้ยง 45
43. ส้มตรา 45
44. ส้มเขียวหวาน 45
45. ส้มจุก 45
46. สาลี่ 45
47. สะตอ 25
48. หน่อไม้ไผ่ตง 25
49. หมาก 100-170
50. หม่อน 35
51. องุ่น 35
52. แก้วมังกร 35
53. แอปเปิล 35
54. อะโวคาโด 35
55. อินทผลัม 35
56. ยูคาลิปตัส 100
57. พืชกลุ่มให้เนื้อไม้ 30

หมายเหตุ : 

  • อ้างอิงจากประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๘ โดยชนิดและจำนวนของพืชอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศฉบับใหม่ในอนาคต

  • พืชที่ไม่มีระบุในตาราง ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ โดยเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด หากไม่มีพืชที่ใช้เทียบเคียงได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการประกอบการเกษตรในแต่ละท้องถิ่น

  • ตัวเลขที่ปรากฏเป็นค่าประมาณ ใช้เพื่ออ้างอิงเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งนี้ การประเมินจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่

ปลูกต้นไม้ลดภาษี

ข้อควรรู้ก่อนปลูกต้นไม้เพื่อเปลี่ยนเป็นที่ดินเกษตรกรรม

  • ต้องมีการปลูกและดูแลจริง เช่น การรดน้ำ ตัดแต่ง หรือเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อแสดงการใช้ประโยชน์ในเชิงเกษตรกรรม

  • หากปลูกไว้เฉย ๆ โดยไม่ดูแล เจ้าหน้าที่อาจประเมินว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่เข้าข่ายการใช้เพื่อเกษตรกรรม

  • ควรจัดทำแปลงที่ดินอย่างเป็นระบบ เช่น แบ่งแถวหรือแนวปลูกชัดเจน เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายเมื่อมีการประเมินภาษี

  • ควรเก็บหลักฐานการใช้ประโยชน์ไว้ เช่น ภาพถ่ายพื้นที่การปลูก ใบเสร็จรับเงินค่ากล้าไม้ หรือเอกสารรับรองจากเกษตรอำเภอ เพื่อใช้ยืนยันเมื่อมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่

  • การประเมินประเภทที่ดินเป็นอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น เทศบาล อบต. หรือกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีสิทธิกำหนดและพิจารณาว่าที่ดินนั้นเข้าข่ายประเภทใดตามสภาพการใช้ประโยชน์จริง โดย อปท. จะแจ้งการประเมินภาษีให้ทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ หากเราได้รับหนังสือแจ้ง ภ.ด.ส.6 แล้วพบข้อมูลไม่ถูกต้อง สามารถใช้สิทธิ์คัดค้านการประเมินได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

          การปลูกต้นไม้ลดภาษีที่ดิน ไม่ใช่มาตรการลดหย่อนภาษีโดยตรงจากรัฐ แต่เป็นแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากเจ้าของที่ดินไม่ต้องการถูกจัดเก็บภาษีที่ดินรกร้างซึ่งมีอัตราสูงสุด ก็สามารถนำพื้นที่มาประกอบการเกษตร เช่น ปลูกต้นไม้เศรษฐกิจหรือไม้ผลยืนต้น โดยต้องปลูกจริง ดูแลจริง และมีลักษณะการใช้ประโยชน์ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถประเมินได้ว่าเป็นที่ดินเกษตรกรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดภาระภาษีแล้ว ยังเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า สร้างรายได้ และส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในระยะยาวอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ดิน

ขอบคุณข้อมูลจาก : ราชกิจจานุเบกษา, fpo.go.th, fpo.go.th, nontree.go.th
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปลูกต้นไม้ลดภาษีที่ดิน ต้องปลูกพืชอะไร ทำได้จริงหรือ ? รู้ให้ชัดก่อนถูกประเมินภาษีแพง โพสต์เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17:01:02
TOP
x close