ไม้เลื้อยจัดสวน ทางเลือกสำหรับคนที่อยากแต่งสวนให้สวย พร้อมทั้งทำซุ้มบังแดดไปด้วยในตัว
สำหรับคนที่อยากให้สวนร่ม ๆ แต่ไม่อยากปลูกต้นไม้ใหญ่ เพราะกลัวรากจะทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายละก็ การทำซุ้มไม้เลื้อย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สวนร่มรื่น แต่ถ้าอยากให้สวนดูมีสีสันมากขึ้นด้วยละก็ วันนี้เราก็มี 10 ไม้เลื้อยดอกสีเหลืองมาฝาก เผื่อใครสนใจจะนำไปปลูกไว้บังแดดบังฝน แถมบางต้นยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชื่นใจด้วยล่ะ
- อ่านเพิ่มเติม : 10 ไม้เลื้อยทำซุ้มบังแดด โตไวเลี้ยงง่ายให้ร่มเงา
1. กระดังงา
กระดังงา (Ylang-Ylang) หรือที่ทางภาคเหนือเรียกว่า สะบันงา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cananga odorata (Lamk) Hook. f. Thomson var ordorata เป็นไม้เลื้อยมงคลทรงพุ่มขนาดกลาง ความสูงประมาณ 10-20 เมตร มีขนสั้นนุ่มตามกิ่งอ่อน ใบเดี่ยวทรงรีหรือทรงไข่ยาว ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ และมีขนอ่อนทั้ง 2 ด้าน มีช่อดอกออกเป็นกระจุกสั้น ๆ ตามซอกใบหรือกิ่ง มี 3-6 ดอกในแต่ละช่อ โดยดอกมีขนาดใหญ่ ดอกอ่อนจะเป็นสีเขียว แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อแก่ กลีบดอกเป็นรูปแถบความเท่า ๆ กัน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แต่จะส่งกลิ่นหอมมากเป็นพิเศษในช่วงเช้าและช่วงเย็น สำหรับวิธีการปลูกและการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เพราะกระดังงาสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการตอนกิ่งและการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนซุย ชอบแดดจัด และน้ำปานกลาง รดน้ำ 5-7 วันต่อครั้งก็เพียงพอ พร้อมบำรุงด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 4-6 ครั้ง
2. จันทร์กระจ่างฟ้า
จันทร์กระจ่างฟ้า (Yellow dipladenia, Hammock viperstail, Wild allamanda) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pentalinon luteum (L.) B.F.Hansen & Wunderlin เป็นไม้เลื้อยขนาดกลาง เนื้อแข็ง เลื้อยได้ไกล 3-5 เมตร มีใบเดี่ยวทรงรีหรือทรงไข่ สีเขียวสดเป็นมัน ไม่ผลัดใบ ส่วนดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง มีสีเหลืองสดสวยงามลักษณะคล้ายแตร โคนกลีบมีสีเหลืองอมเขียว ออกดอกตลอดทั้งปี แต่ไม่มีกลิ่น นิยมปลูกเป็นไม้แขวน ปลูกริมรั้ว และปลูกจัดซุ้ม มักจะขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและการปักชำ เลี้ยงง่าย โตไว ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำดี ชอบแสงแดดจัด ทนแล้งได้ดี ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน
3. มาลัยทอง
มาลัยทอง หรือมาลัยนงนุช (Nong Nooch Vine, Golden Wreath Flower) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Petreovitex bambusetorum King เป็นไม้เลื้อยขนาดกลาง เลื้อยได้ไกล 2-5 เมตร ใบออกเป็นช่อ สีเขียวเข้ม โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก แผ่นใบเรียบ แต่ละดอกจะมีกลีบเลี้ยงมีสีเหลือง 5 กลีบ แฉกลึก ส่วนดอกมีสีขาวหรือขาวอมเหลือง มีขนอ่อน ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบหรือปลายกิ่ง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำในแกลบดินผสมขุยมะพร้าว จะมีรากแตกออกมาหลังจากปักชำ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้เป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายยอากาศกับน้ำได้ดี ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดเต็มวันหรือร่มรำไร ชอบแสงแดดจัดเต็มวันหรือร่มรำไร
4. ดอกขจร หรือ ดอกสลิด
ดอกขจรหรือดอกสลิด (Cowslip Creeper) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Telosma cordata (Burm. f.) Merr. เป็นไม้เลื้อยขนาดเล็ก เลื้อยได้ไกล 2-5 เมตร ใบเป็นรูปหัวใจคล้ายใบโพธิ์ ออกสีเขียวอมแดง โคนใบมน ปลายใบเรียว ขอบใบเรียบ ส่วนดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ มีสีเขียวอมเหลือง โดยจะส่งกลิ่นหอมมากเป็นพิเศษในช่วงเย็นและช่วงกลางคืน ผู้คนส่วนใหญ่นิยมนำมากินเป็นผัดสดหรือผักลวก เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงร่างกายได้มากมาย โดยสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการปักชำและการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนซุยที่อุดมสมบูรณ์ ชอบแสงแดดจัด ต้องการน้ำวันละ 1 ครั้ง สามารถใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกบริเวณโคนต้นได้ตามความเหมาะสม
5. การเวก
การเวก (Climbing Ylang-Ylang, Climbing Ilang-Ilang, Manorangini, Hara-Champa) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artabotrys hexapetalus (Linn.f.) Bhandari เป็นไม้เลื้อยขนาดใหญ่ เนื้อแข็ง ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวเข้มเป็นมัน โคนใบแหลม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ส่วนดอกออกตรงโคนก้าน มีมือเกาะ มีสีเขียวตอนเป็นดอกอ่อน มีสีเหลืองตอนเป็นดอกแก่ ออกดอกตลอดทั้งปี และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ นอกจากจะใช้ในการแต่งสวนและทำซุ้มแล้ว การเวกยังสามารถนำไปทำเป็นเครื่องหอมและปรุงเป็นยาหอมได้อีกด้วย ส่วนวิธีการขยายพันธุ์ก็นิยมตอนกิ่งและเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดจัด ต้องการน้ำปานกลาง ประมาณวันละ 1-2 ครั้ง โดยควรรดน้ำให้ดินชุ่มและควรรดในช่วงเช้าจะดีที่สุด
6. บานบุรีเหลือง
บานบุรีเหลือง (Golden Trumpet, Allamanda) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allamanda cathartica L. เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย สูงประมาณ 1-2 เมตร ผิวลำต้นเรียบ ไม่มีขน แต่มียางขาวทุกส่วน มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงรอบข้อ 3-6 ใบ ทรงรีหรือทรงไข่กลับหัว โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนเป็นมัน ส่วนดอกมีสีเหลือง 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะมีลักษณะคล้ายปากแตร ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง โดยจะออกดอกตลอดทั้งปี นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ ชอบดินร่วนปนทราย ชอบแสงแดดจัด ต้องการน้ำน้อยถึงปานกลาง สามารถทนแล้งได้ดี
7. เหลืองชัชวาลย์
เหลืองชัชวาลย์หรือเล็บวิฬาร์ (Anikab, Bejuco Edmurcielago, Mano de Lagarija) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macfadyena Unguis-Cati (L.) A.H. Gentry เป็นไม้เลื้อยขนาดเล็ก เนื้อแข็ง ปลายกิ่งแยะเป็น 3 แฉกเป็นมือพันคล้ายเล็บแมว ส่วนมากจะเลื้อยต้นไม้ใหญ่ มีใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ ปลายใบแหลม แผ่นใบบาง มีดอกสีเหลือง ทรงแตร ออกเป็นช่อที่ปลายยอดตลอดทั้งปี นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โตเร็ว ทนต่อทุกสภาพอากาศ ชอบแสงแดดจัด และควรตัดแต่งทรงบ่อย ๆ
8. สายน้ำผึ้ง
สายน้ำผึ้ง (Woodbine, Lonicera, Japonese Honeysuckle) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lonicera japonica Thumb. เป็นไม้เลื้อยขนาดเล็ก เลื้อยได้ไกลตั้งแต่ 5-8 เมตรขึ้นไป กิ่งมีขนสีน้ำตาลอมเหลือง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่ มีลักษณะแข็ง โคนใบมน ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกแรกเย้มจะมีสีขาวแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ซึ่งสีจะเข้มขึ้นเมื่อดอกใกล้โรย โดยในหนึ่งช่อจะมีประมาณ 20 ดอก ส่งหอมแรงตอนกลางคืน ออกดอกได้ตลอดทั้งปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) สำหรับการขยายพันธุ์ นิยมตอนกิ่งและปักชำ โดยสายน้ำผึ้งปลูกง่าย โตได้ในดินทุกชนิด แต่ไม่ชอบดินที่มีความชื้นแฉะ ไม่ชอบสงแดดจัดมาก ต้องการน้ำปานกลาง และบำรุงด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
9. สายหยุด
สายหยุด (Desmos) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Desmos chinensis Lour. เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย แตกกิ่งก้านสาขาเป็นทรงหนา กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำคตาล มีใบเดี่ยว รูปรี โคนใบมน ปลายใบเรียวแหลม แผ่นและขอบใบเรียบเป็นมัน ไม่ผลัดใบ มีสีเขียวเข้มดกตลอดทั้งปี ส่วนดอกออกตามซอกใบ มีสีเหลืองแกมเขียว กลิ่นหอม และบานนานหลายวัน แถมออกดอกตลอดทั้งปีด้วย โดยดอกสายหยุดจะเริ่มบานและหอมมากในช่วงเช้า จากนั้นกลิ่นจะค่อย ๆ ลดลงเมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น ส่วนการปลูกและการดูแลนิยมทำด้วยการเพาะเมล็ด สายหยุดชอบดินที่ร่วนซุย ไม่มีน้ำขัง ชอบแสงแดดจัดหรือร่มรำไร และต้องการน้ำปานกลาง ประมาณวันละ 1 ครั้ง
10. พวงทองเครือ
พวงทองเครือ (Siam Vine) พวงทองเลื้อย หรือระคนทอง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tristellateia australasiae A. Rich เป็นไม้เลื้อยขนาดเล็ก เลื้อยได้ไกลประมาณ 10 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะเกลี้ยง หนา และแข็ง ส่วนดอกออกเป็นช่อห้อยลง ยาว 10-20 เซนติเมตร โดยในหนึ่งดอกจะมีทั้งหมด 5 กลีบ สีเหลือง มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ออกตลอดทั้งปี นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ตอนกิ่ง และเพาะเมล็ด สามารถปลูกได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ชอบดินที่ร่วนซุย มีความชื้น และระบายน้ำดี ต้องการน้ำปานกลาง ไม่ต้องแฉะ แต่ต้องชื้นสม่ำเสมอ ส่วนปุ๋ยให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่บริเวณโคนต้นปีละประมาณ 2-3 ครั้ง
นอกจากจะช่วยแต่งสวนให้สวยสบายตาแล้ว ไม้เลื้อยดอกสีเหลืองยังนำไปทำซุ้มบังแดด กันร้อน ให้ร่มเงา และให้ความสดชื่น พร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ สร้างความสบายใจได้ด้วย แถมบางชนิดก็ยังมีสรรพคุณและประโยชน์พิเศษซ่อนอยู่อีกด้วยนะ เห็นไหมละคะว่าการปลูกไม้เลื้อยจัดสวนน่าสนใจไม่แพ้ต้นไม้ประเภทไหน ๆ เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ, สำนักงานหอพรรณไม้, suansavarose, ข้อมูลพันธุ์ไม้, vichakaset, สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ม.มหิดล, อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และ ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การพฤกษศาสตร์