ปลูกผักไว้กินเองที่บ้าน ถ้าไม่อยากเสี่ยงอันตรายจากสารเคมีตกค้างในผักสูง ลองมาปลูกผักไว้กินเองที่บ้านกัน ส่วนจะมีวิธีการปลูกอย่างไร ก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เชื่อว่าคนที่ชอบกินผักต้องมีสะดุ้งกันบ้างเล็กน้อย เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมอนามัย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ผักสดหลายชนิดในท้องตลาด ได้แก่ กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริก แตงกวา กะหล่ำปลี ผักกาดขาวปลี ผักบุ้งจีน มะเขือ และผักชี มีสารเคมีตกค้างอยู่สูง ดังนั้นถ้าหากใครคิดจะกินผักใบเขียวเพื่อช่วยเสริมให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงละก็ คงต้องมีร้อน ๆ หนาว ๆ กับอันตรายที่ติดมาจากสารเคมีกันบ้าง
อย่างไรก็ตาม จะให้ทุกคนบอกลาการกินผักใบเขียวไปเลยก็คงจะไม่ใช่เรื่อง ฉะนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนลองหันมาปลูกผักในกระถางไว้กินเองที่บ้านแทน รับรองเลยว่าปลูกง่าย ดูแลไม่ยาก ได้รับประโยชน์ตรงตามต้องการ ที่สำคัญไร้สารเคมีตกค้างชัวร์ เพราะเราปลูกเองกับมือมั่นใจได้แน่นอน
1. กวางตุ้ง
วิธีปลูกกวางตุ้งในกระถาง ขั้นตอนแรกให้พรวนดินให้พร้อม กำจัดวัชพืชให้หมด แล้วนำปุ๋ยคอกมาผสม จากนั้นให้หย่อนเมล็ดลงในกระถางเพาะกล้า รดน้ำ และใส่ปุ๋ย เสร็จแล้วก็รอจนกระทั่งต้นสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร แล้วค่อยย้ายลงไปปลูกในกระถางใหญ่ที่เตรียมไว้อีกที ใช้เวลาประมาณ 20-25 วัน ถึงจะเก็บเกี่ยวได้
โดยต้นกวางตุ้งสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โตได้ดีในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นสูงเป็นพิเศษ ต้องการน้ำค่อนข้างมาก อย่างน้อยวันละประมาณ 1 ครั้ง มีโรคและแมลงรบกวนบ้างเล็กน้อย แต่ที่น่าสนใจคือมีประโยชน์เพียบ ไม่ว่าจะเป็นช่วยเสริมสร้างกระดูก ฟัน และภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา ช่วยในการขับถ่าย ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตามข้อ อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาหารที่ร่างกายต้องการ และอื่น ๆ อีกมากมายเลยค่ะ
2. คะน้า
วิธีปลูกคะน้าในกระถาง ขั้นตอนแรกให้เตรียมดินด้วยการผสมดินร่วน 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน และขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวหรือใบไม้แห้ง 1 ส่วน (แต่หากไม่สะดวกผสมดินเอง สามารถใช้ดินสำเร็จรูปแทนได้) จากนั้นก็ใส่ลงไปในกระถางแบบไม่ต้องเต็มมาก เสร็จแล้วหย่อนเมล็ดคะน้าตามลงไป หลังจากนั้นเติมดินกลบได้ตามต้องการ ใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน จึงเก็บเกี่ยวได้ แต่ถ้าหากจะปลูกคะน้าซ้ำในกระถางเดิม ควรผสมดินใหม่
สำหรับการดูแล คะน้าเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ โดยต้องรดให้ชุ่มชื้นทั่วกระถางทุก ๆ เช้า-เย็น หมั่นกำจัดวัชพืชและพรวนดินบ่อย ๆ วางในบริเวณที่มีแสงเพียงพอ ส่วนปุ๋ยที่นำมาบำรุงต้นควรเป็นปุ๋ยที่ธาตุไนโตรเจนสูง
3. ถั่วฝักยาว
วิธีปลูก ถั่วฝักยาว ในกระถาง ขั้นตอนแรกให้เตรียมดินปลูกให้เหมาะสมด้วยการพรวนหน้าดินแล้วตากแดดทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ ดินที่เหมาะกับการปลูกมากที่สุดคือดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ ไม่มีตำหนิ โรยลงไปในหลุมดินลึก 5 เซนติเมตร แล้วกลบให้สนิทพร้อมกับรดน้ำทันที สัปดาห์แรกควรรดน้ำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง (หรือแล้วแต่สภาพอากาศ) ประมาณ 1 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นยอดต้นอ่อน เมื่อต้นเริ่มโต ลดการให้น้ำลงเหลือ 4-6 วันต่อครั้งก็พอ โดยใช้เวลาในการปลูกประมาณ 55 วันจึงเก็บเกี่ยวได้
สำหรับการดูแลเมื่อต้นมีอายุได้ 15 วัน ให้เริ่มใส่ปุ๋ยบำรุง โดยเน้นสูตรที่มีธาตุฟอสฟอรัสสูง พร้อมกับหมั่นกำจัดวัชพืชบ่อย ๆ และควรทำค้างหรือนั่งร้านเพื่อให้ถั่วฝักยาวได้เลื้อยเกาะด้วย โดยต้องบอกเลยว่าถั่วฝักยาวเป็นพืชที่เหมาะจะปลูกไว้กินเองมาก ๆ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาหารมากมาย นำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย แถมยังช่วยดูแลผิวพรรณ บำรุงสายตา กระดูก และฟัน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยป้องกันเบาหวานได้ด้วย
4. พริก
วิธีปลูกพริกในกระถาง ขั้นตอนแรกให้นำพริกแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 1 วัน เสร็จแล้วตากแดดให้แห้ง ½ วัน จากนั้นก็แกะเอาเมล็ดมาปลูก ต่อมาเตรียมดินให้พร้อม โดยควรใช้เป็นดินร่วนปนทรายผสมกับปุ๋ยหมัก จากนั้นขุดหลุมดินในกระถางลึก ½ นิ้ว แล้วหย่อนเมล็ดลงไป 3-4 เมล็ดต่อหลุม ก่อนกลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม และวางไว้ในที่ที่มีแดด เมื่อต้นกล้าสูงประมาณ 6 นิ้วขึ้นไป จึงทำการย้ายเฉพาะต้นกล้าที่แข็งแรงไปปลูกในกระถางใหญ่
สำหรับการดูแลให้หมั่นรดน้ำทุกเช้า-เย็น ใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง พรวนดินเดือนละครั้งพร้อมกับกำจัดวัชพืช ซึ่งปกติแล้วพริกจะให้ผลผลิตประมาณเดือนที่ 2-3 ของการปลูก เรียกได้ว่าไม่นานก็ได้พริกที่เราปลูกเองไว้กินแล้ว
5. แตงกวา
วิธีปลูกแตงกวาในกระถาง ขั้นตอนแรกให้คัดเลือกเมล็ดแตงกวาที่สมบูรณ์และแข็งแรง จากนั้นนำไปเพาะกล้าในกระถางใบเล็ก โดยใช้ดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 50:50 ขุดหลุมลึก 1.2 เซนติเมตร เสร็จแล้วโรยเมล็ดลงในหลุม หลุมละประมาณ 4-5 เมล็ด รดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ เช็กการระบายน้ำให้ดี จากนั้นนำไปวางให้โดนแสงแดด และรอจนกระทั่งต้นโตประมาณ 5-7 เซนติเมตร ก็คัดเลือกต้นกล้าที่แข็งแรงไปปลูกในกระถางใหญ่ที่ใส่ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี สุดท้ายอย่าลืมนำแท่งไม้มาปักไว้เพื่อให้ต้นแตงกวาพันเลื้อย ก็จะเป็นอันเสร็จเรียบร้อย โดยสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังปลูกประมาณ 60 วัน
ดูแลโดยการหมั่นรดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะเฉพาะบริเวณโคนต้น ระวังอย่าให้โดนเถาหรือลำต้น เพราะจะทำให้ต้นเน่าได้ และรีบระบายน้ำออกหากมีน้ำขัง นำกระถางมาวางให้โดนแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ควรหมั่นใส่ปุ๋ยและพรวนดินเพื่อป้องกันวัชพืช
6. กะหล่ำปลี
วิธีปลูกกะหล่ำปลี ขั้นตอนแรกให้ทำการเตรียมดิน โดยตากแดดทิ้งไว้ 5-7 วัน เสร็จแล้วนำดินที่ได้มาผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นขุดหลุมแล้วหยอดเมล็ดลงไป เมื่อเติบโตเป็นต้นกล้าหลังจากวันแรกที่ปลูกได้ประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือมีใบจริงงอก 5-6 ใบ ค่อยย้ายลงกระถาง ส่วนระยะการเก็บเกี่ยวก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ หากเป็นสายพันธุ์เบาใช้เวลา 50-60 วัน สายพันธุ์หนักอยู่ที่ 90-120 วัน
สำหรับการดูแล กะหล่ำปลีเป็นพืชรากตื้นจึงควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้หน้าดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ควรระวังไม่ให้ดินชื้นเกินไป เพราะจะทำให้รากเน่าได้ พร้อมกับคอยกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรหมั่นใส่ปุ๋ยเป็นระยะ ระยะแรกคือใส่ปุ๋ยรองก้นกระถางก่อนปลูก ครั้งที่สองใส่ปุ๋ยคอกหลังย้ายกล้าปะมาณ 14-20 วัน และครั้งที่ 3 ใส่ปุ๋ยหลังย้ายกล้าประมาณ 35-45 วัน
7. ผักกาดขาวปลี
เนื่องจากผักกาดขาวปลีเป็นผักเมืองหนาว พื้นที่ที่จะปลูกควรมีอากาศเย็น โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส อาจทำให้เติบโตช้า ปลีหลวม และมีรสขม ส่วนวิธีปลูกนั้นเริ่มจากนำดินร่วนมาตากแดดทิ้งไว้ก่อน 14 วัน จากนั้นนำดินใส่กระถาง แล้วขุดหลุมสำหรับหยอดเมล็ด โดยหยอดไม่เกิน 2-3 เมล็ดต่อหลุม และปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 60 วัน สำหรับการดูแลก็คือหมั่นรดน้ำเป็นประจำอย่าให้ขาด วันละ 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อบำรุงต้น และหมั่นพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืช
8. ผักบุ้งจีน
วิธีปลูกผักบุ้งจีน เริ่มจากเตรียมเมล็ดด้วยการนำไปแช่น้ำประมาณ 8-12 ชั่วโมง (ถ้าเมล็ดลอยน้ำในช่วง 5-10 นาทีแรก ให้คัดออกทันที เนื่องจากเป็นเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์) จากนั้นให้ผสมดินร่วนปนทราย ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี เสร็จแล้วเทใส่กระถางพร้อมกับขุดหลุมแล้วหยอดเมล็ดลงไป เกลี่ยดินกลบ และรดน้ำให้ชุ่ม หลังการปลูก 7-10 วันแรกให้พรวนดินและโรยปุ๋ยคอกตาม ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 20-25 วัน
ระหว่างการปลูกควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เพราะทำให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอด ยกเว้นในหน้าฝนควรรดเฉพาะวันที่ไม่มีฝนหรือฝนทิ้งช่วง ส่วนเคล็ดลับในการเก็บผักบุ้งให้สวยงามก็คือ รดน้ำแล้วถอดทั้งต้น ระวังอย่าให้รากขาดมาก แค่นี้ก็พร้อมนำไปทำอาหารอร่อย ๆ กินแล้ว
9. มะเขือ
วิธีปลูกมะเขือในกระถาง ไม่ว่าจะเป็นมะเขือชนิดไหนก็ให้เริ่มด้วยการผสมดินปลูกกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แล้วหยอดเมล็ดลงไปเพาะกล้า จากนั้นกลบหน้าดินให้หนาประมาณ 0.6-1.2 เซนติเมตร ดูแลรดน้ำจนกระทั่งต้นกล้ามีอายุ 30 วัน ก็ให้ย้ายกระถางปลูก โดยในระหว่างการย้ายต้องพยายามให้มีดินติดกับรากมากที่สุด เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่ม พรางแสงแดดเล็กน้อยในช่วงแรก ๆ หลังจากนั้นค่อยปล่อยให้โดนแสงแดดอย่างเต็มที่ ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ อย่าให้แห้ง แต่ก็อย่าให้แฉะ พรวนดินและกำจัดวัชพืชบ่อย ๆ สักประมาณ 60-85 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ค่ะ
10. ผักชี
วิธีปลูกผักชีในกระถางทำได้ง่ายมาก ๆ เริ่มจากบดเมล็ดผักชีให้แตกแล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปตากให้แห้ง คลุกกับทรายหรือขี้เถ้าจนเมล็ดเริ่มงอก จึงนำไปปลูกลงในกระถาง ใช้ฟางคลุมเล็กน้อย สุดท้ายรดน้ำให้ชุ่ม
ระหว่างการเติบโตดูแลโดยรดน้ำวันละประมาณ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้โดนแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าบ้าง และเมื่อต้นแตกใบก็ให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ในอัตราส่วน 3-4 ช้อนต่อน้ำ 1 ปี๊บ ไม่นานประมาณ 30-45 วัน ผักชีก็จะเริ่มให้ผลผลิตแล้วค่ะ ซึ่งนอกจากจะนำไปปรุงอาหารให้มีรสชาติอร่อยแล้ว ต้องบอกเลยว่าผักชียังมีสรรพคุณทางยาช่วยบำรุงกระเพาะ บำรุงสายตา ลดน้ำตาลในเลือด และขับลมพิษได้อีกด้วยนะคะ
นอกจากการปลูกผักกินเองแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้มีผักสด ๆ ไว้กินอย่างปลอดภัย หมดห่วงเรื่องสารเคมีตกค้างก็คือ การล้างผักให้สะอาดก่อนนำมาทำอาหาร ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่าง ๆ ได้อีกทาง ซึ่งสามารถชมวิธีการล้างผักให้สะอาดได้ตามนี้เลย 9 วิธีล้างผักผลไม้ให้สะอาด ลดอันตรายจากสารปนเปื้อน !