รวมดินปลูกต้นไม้แบบต่าง ๆ ทั้งดินร่วน ดินเหนียว ดินทราย และดินร่วนปนทราย พร้อมตัวอย่างต้นไม้ที่ปลูกในดินแต่ละชนิด และวิธีเลือกปุ๋ยบำรุงดิน
ดินปลูกต้นไม้ จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบ้าน ที่มีการ จัดสวน แต่เนื่องจากดินปลูกต้นไม้ในท้องตลาดมีหลายแบบ สำหรับมือใหม่คงอยากรู้ว่าเลือกดินแบบไหนเหมาะกับต้นไม้ที่เราปลูกอยู่หรืออยากปลูก ลักษณะดินที่ดีเป็นอย่างไร สูตรดินปลูกต้นไม้ควรใส่เท่าไร และควรเลือกปุ๋ยบำรุงดินอย่างไรดี
ดินปลูกต้นไม้ มีกี่ชนิด
1. ดินร่วน
ดินร่วน (Loam Soil) เป็นดินที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งสำหรับการปลูกต้นไม้ มีส่วนผสมของดินเหนียว ทราย ตะกอน ฮิวมัส และค่า pH ที่เป็นกรดเล็กน้อย ลักษณะเนื้อดินค่อนข้างละเอียด เมื่อดินแห้งจะจับกันเป็นก้อนแข็งพอประมาณ แต่ถ้าชื้นจะมีความยืดหยุ่นได้บ้าง จัดเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง สามารถปลูกต้นไม้ได้หลายชนิด ทั้งไม้ยืนต้น ผัก ไม้ดอก และไม้ประดับ
ข้อดีดินร่วน
- มีโครงสร้างดินที่ดี ช่วยทำให้พืชเจริญเติบโตงอกงาม มีความแข็งแรง
- ระบายน้ำได้ดี ไม่ต้องกังวลว่ารากจะเน่า
- มีสารอาหารมากมายจากธรรมชาติ
ข้อเสียดินร่วน
- มีความเป็นกรดเล็กน้อย ดังนั้น พืชที่ไม่ชอบดินกรดอาจต้องเติมสารอาหารเข้าไปเพื่อลดความเป็นกรด เช่น ปูนขาว ขี้เถ้า เป็นต้น
- มีการระบายน้ำได้ดี ดังนั้น สารอาหารอาจถูกชะล้างออกไป อาจต้องเพิ่มอินทรียวัตถุที่เหมาะสม เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น
ตัวอย่างต้นไม้ที่ปลูกในดินร่วนได้
- ไม้ผลตระกูลเบอร์รี เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี เป็นต้น
- ไม้เลื้อย เช่น ต้นไอวี่ เป็นต้น
- ผักต่าง ๆ เช่น พริก ถั่วแขก หอมใหญ่ ผักกาดหอม แตงกวา เป็นต้น
- ไม้พุ่ม เช่น ดอกกุหลาบ สนจูนิเปอร์ เป็นต้น
2. ดินเหนียว
ดินเหนียว (Clay Soil) เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด ถ้าเปียกน้ำจะมีความยืดหยุ่นสูงและเหนียวติดมือ สามารถปั้นเป็นก้อนหรือรูปร่างต่าง ๆ ได้ อุ้มน้ำได้ดี ช่วยกักเก็บสารอาหารได้มาก แต่การระบายน้ำและอากาศในเนื้อดินไม่ดีเท่าดินชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต้นไม้ได้ เช่น รากเน่า เมื่อแห้งเนื้อดินจะแตกเป็นก้อนแข็ง เหมาะทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้ดี
ข้อดีดินเหนียว
- มีสารอาหารค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
- น้ำระบายช้ากว่าดินชนิดอื่น ทำให้กักเก็บสารอาหารได้ดีกว่า
ข้อเสียดินเหนียว
- เพาะปลูกยาก เนื่องจากดินมีความแข็งเมื่อแห้ง และเป็นก้อนเหนียวเมื่อเปียก
- การระบายอากาศและน้ำไม่ดีเท่าที่ควร
ตัวอย่างต้นไม้ที่ปลูกได้
- ไม้ผล เช่น ต้นแอปเปิลแคระ
- ไม้ดอก เช่น ไลแลค กุหลาบ
- ผักฤดูร้อน เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ มันฝรั่ง เป็นต้น
- ไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม เช่น มะกรูด มะตูม เป็นต้น
3. ดินทราย
ดินทราย (Sandy Soil) เนื้อดินมีลักษณะเป็นเม็ดเดี่ยว ไม่เกาะตัวกัน สัมผัสแห้งหยาบและสากมือ แต่ถ้าดินมีความชื้นจะสามารถปั้นเป็นก้อนหลวม ๆ ได้ เป็นดินที่ระบายน้ำได้รวดเร็ว ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ และมีแร่ธาตุที่พืชต้องการต่ำ เนื่องจากถูกน้ำชะล้างออกไปได้ง่าย
ข้อดีดินทราย
- ระบายน้ำเร็ว ถ่ายเทอากาศดี ป้องกันรากเน่า
- ปลูกพืชง่าย เนื่องจากเม็ดดินไม่เกาะกันดี รากพืชชอนไชง่าย
- มีความโปร่ง พรวนดินง่าย
ข้อเสียดินทราย
- กักเก็บน้ำได้น้อย
- เก็บสารอาหารได้น้อย เนื่องจากถูกชะล้างออกไปในช่วงที่ฝนตกชุก
ตัวอย่างต้นไม้ที่ปลูกได้
- ไม้ดอก เช่น ราชาวดี ดอกเดย์ลิลลี่ ลาเวนเดอร์
- ผักต่าง ๆ เช่น แครอต คะน้า ผักตระกูลกะหล่ำปลี ผักกาดหอม และมะเขือเทศ
4. ดินร่วนปนทราย
ดินร่วนปนทราย (Loamy Sand) เนื้อดินมีความสากมือแต่น้อยกว่าดินทราย และมีความนิ่มเพิ่มเข้ามา ขณะดินแห้งถ้ากำแน่นจะเป็นก้อนหลวม แต่แตกออกจากกันง่ายถ้ากดเบา ๆ ขณะดินเปียกถ้ากำแน่นจะเป็นก้อนไม่แตก สามารถกดเป็นแผ่นบนฝ่ามือได้ แต่พอขยับมือเล็กน้อยจะแยกออกจากกัน
ข้อดีดินร่วนปนทราย
- ระบายน้ำดี รากไม่เน่า
ข้อเสียดินร่วนปนทราย
- อุ้มน้ำได้น้อย ดูดซับธาตุอาหารพืชได้ไม่ดี
ตัวอย่างต้นไม้ที่ปลูกได้
- ไม้ผล เช่น กล้วย มะม่วง มะพร้าว
- พืชตระกูลถั่วยืนต้น เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง กระถิน ทองหลาง เป็นต้น
- พืชตระกูลแตง เช่น ฟักทอง แตงโม แตงกวา เป็นต้น
- พืชล้มลุก เช่น งาดำ งาขาว
วิธีเลือกดินให้เหมาะกับต้นไม้
โดยทั่วไปดินที่เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ ควรเป็นดินที่มีส่วนผสมของอินทรียวัตถุ อนินทรียวัตถุ น้ำ อากาศ และค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสม ส่วนใหญ่จะมีหน้าดินสีดำหนา เนื้อดินโปร่ง น้ำหนักเบา มีธาตุอาหารสูง ไม่มีสารที่เป็นพิษหรือแมลงที่เป็นอันตรายกับต้นไม้ มีความแน่นพอที่จะยึดให้ลำต้นทรงตัวอยู่ได้ และระบายน้ำกับอากาศได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงชนิดของต้นไม้ สภาพแวดล้อมอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย
วิธีเลือกปุ๋ยบำรุงดิน
ควรเลือกปุ๋ยที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุไนโตรเจน (N) ช่วยเร่งการเจริญเติบโตทางใบและลำต้น ฟอสฟอรัส (P) ช่วยให้รากใหญ่ แข็งแรง กระจายตัวดี เร่งออกดอก ออกผล และโพแทสเซียม (K) ช่วยเพิ่มน้ำหนักและผลผลิต โดยใช้ตัวย่อ NPK สังเกตจากถุงปุ๋ยจะมีสัดส่วนของธาตุอาหารระบุเป็นตัวเลข เช่น 20-10-10 หมายความว่า มีไนโตรเจน 2 เท่าของฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ทั้งนี้ พืชแต่ละประเภทต้องการส่วนผสมของแร่ธาตุต่างกันไป เช่น ไม้ดอกต้องการฟอสฟอรัสมากขึ้น อาจเลือกเป็น 10-20-10 หรือถ้าต้องการให้พืชต้านทานโรค อาจเลือกเป็น 10-10-20 ซึ่งมีโพแทสเซียมมากกว่า
เติมธาตุอาหารพืชด้วยปุ๋ยน้ำ การฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทุก 2 สัปดาห์จะช่วยเพิ่มสารอาหารและช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ปุ๋ยน้ำยอดนิยม ได้แก่ ปุ๋ยน้ำหมักปลา ปุ๋ยน้ำหมักสาหร่าย
ทั้งนี้ ควรหาข้อมูลจากเว็บไซต์หรือหนังสือเกี่ยวกับพืชที่ปลูกว่าต้องการปุ๋ยแค่ไหน เพื่อจะได้ให้ปุ๋ยในสัดส่วนและปริมาณที่ถูกต้องกับต้นไม้ชนิดที่เราต้องการปลูกด้วย
สูตรดินปลูกต้นไม้ในกระถาง
สูตรที่ 1
-
ดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย 2 ส่วน
-
อินทรียวัตถุ 1 ส่วน
-
ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
สูตรที่ 2
-
ดินร่วน 1 ส่วน
-
ทรายหยาบ 1 ส่วน
-
ใบไม้ผุ 1 ส่วน
-
ถ่านป่น 1/4 ส่วน
สูตรที่ 3
-
ดินร่วน 1 ส่วน
-
ทรายหยาบ 1 ส่วน
-
ใบไม้ผุ 1 ส่วน
-
ปุ๋ยคอก 1/4 ส่วน
สูตรที่ 4 (กรณีที่ดินเป็นดินเหนียว)
-
ดินเหนียว 2 ส่วน
-
ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน
-
ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
-
เปลือกถั่ว 1 ส่วน
ในกรณีดินที่มีความเป็นกรดสูง เช่น ดินนา ดินเหนียวในร่องน้ำนิ่ง ต้องใช้ปูนเป็นส่วนผสม เช่น ปูนดิบ หรือปูนสุก (ปูนขาว) ปูนจากเปลือกหอยเผาเป็นส่วนผสม อัตราส่วนของปูนครึ่งกิโลกรัมต่อส่วนผสมดินปลูก 10 ปีบ
ต่อไปนี้ต้นไม้ที่เราปลูกจะเติบโตสวยงาม เพราะเราสามารถเลือกดินปลูกที่เหมาะกับต้นไม้ รวมทั้งทำปุ๋ยบำรุงไว้ใช้เองที่บ้านได้ด้วย